ดอยเสมอดาว
Highlight
- ดอยเสมอดาว เป็นหนึ่งในสถานที่ดูพระอาทิตย์ตก สอยน้องดาว เช้าล่าหมอก ได้ในสถานที่เดียว ดังนั้นถ้ามาน่านแล้วไม่ควรพลาดดอยเสมอดาวเป็นอย่างยิ่ง แล้วใครตั้งใจว่าจะมาล่าทางช้างเผือก แนะนำให้มาช่วงเดือน ต.ค. – พ.ย. เพราะเราสามารถถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ทันทีหลังพระอาทิตย์ตกดินไปประมาณ 1 ช.ม. ไม่ต้องนอนดึก เก็บแรงไปดูหมอกตอนเช้าได้สบาย ๆ ส่วนช่วง ธ.ค.- ม.ค. ไม่ต้องมาล่าช้างนะครับไม่มี น้องช้างจะขึ้นมาขนานกับท้องฟ้าอีกทีหลังกลางเดือน ก.พ. เป็นต้นไป(ประมาณตี 4-5)
- ในช่วงกลางเดือน ต.ค.- กลางเดือน ธ.ค. มีโอกาสเจอทะเลหมอกได้ทุกวัน หลังจากนั้นอาจจะต้องลุ้นว่าลมหนาวแรงหรือไม่ ถ้าลมแรงทะเลหมอกจะเหลือเพียงแค่ลำธารหมอกเท่านั้น และในช่วงกลางเดือน ก.พ. เป็นต้นไป ทะเลหมอกแทบไม่มีเลย เว้นแต่คืนวันไหนมีฝนตก เช้าวันต่อมาก็อาจมีทะเลหมอกได้
- ที่พักบนดอยเสมอดาวทางอุทยานฯมีลานกางเต็นท์ให้ทั้งหมด 3 จุด และมีเต็นท์ให้เช่า ภายในมีหมอน เสื่อรองนอนพร้อม และต้องโทรจองล่วงหน้า ถ้าเต็มปัจจุบันไม่มีกระโจมของเอกชนด้านบนแล้ว ต้องไปพักรีสอร์ทที่ตัวอำเภอนาน้อยได้ มีให้เลือกหลายรีสอร์ทเลย แต่ต้องขับรถขึ้นมาตอนเช้า
1. ดอยเสมอดาว ดูทะเลหมอก สอยดาว ล่าแสงเย็น ได้ในที่เดียว
“ดอยเสมอดาว” ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดน่าน แล้วสิ่งที่ทำให้ดอยเสมอดาวได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็คือด้านบนดอยเสมอดาวจะมีลานชมวิวที่กว้าง สามารถชมวิวได้เกือบ 360 องศา ทำให้ที่นี่เก็บได้ทั้งพระอาทิตย์ตกดินในช่วงยามเย็น ดึก ๆออกมาสอยน้องดาว ตื่นเช้ามาไปดูทะเลหมอกพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้นได้ภายในสถานที่เดียว เรียกได้ว่า “มาที่เดียวเที่ยวได้ 3 เด้ง” แน่นอนใครกำลังวางแผนมาเที่ยวน่าน ก็ไม่ควรพลาดดอยเสมอดาวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสายเที่ยวธรรมชาติหรือสายถ่ายรูปแนว Landscape ผมการันตีเลยว่าถ้าท้องฟ้าไม่ปิด ฝนไม่ตก ยังไงก็ได้รูปสวย ๆ กลับบ้าน แล้วต้องไปช่วงไหนได้ทะเลหมอกพร้อมแสงสวย ๆ ตามอ่านกันต่อได้เลย
จริง ๆ แล้วดอยเสมอดาวไม่ใช่ดอยที่สูงมากนะครับ มีความสูงจากแม่น้ำน่านประมาณ 700 เมตร และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 888 เมตร เท่านั้น(เลขสวยแต่ห้ามแทงหวยนะ เพราะสถิติมันไม่เคยออกเลขนี้ ฮ่า ๆ) แต่ด้วยบริเวณโดยรอบไม่มีแสงไฟเมืองรบกวน(light Pollution) ทำให้บนดอยเสมอดาวสามารถเห็นดาวได้อย่างชัดเจน เสมือนเราเอื้อมไปถึงดวงดาวได้เลย แล้วหากใครมาช่วงที่มีทางช้างเผือก ก็สามารถเห็นน้องช้างได้ด้วยตาเปล่าแบบง่าย ๆ(ส่วนใครไปแล้วเจอเมฆปิดหรือคืนเดือนหงาย อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ 5555 ) สำหรับใครที่จะมาล่าดาวที่ดอยเสมอดาวก็ไม่ต้องกังวลว่าที่นี่อากาศจะร้อน เพราะลานบนดอยเสมอดาว มีระดับความสูงเฉลี่ย 800-900 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้บนนี้มีอากาศเย็นในตอนกลางคืนไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตาม แล้วยิ่งในช่วงฤดูหนาวบางวันอาจเจอกับอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับลมแรงได้(วันไหนลมแรงมากหมอกจะไม่ค่อยมีนะครับ ระวังหนาวฟรี) ซึ่งปกติแล้วดอยเสมอดาวจะมีอุณหภูมิจะต่ำกว่าในเมืองน่านประมาณ 3-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละเดือนตามตารางด้านล่างเลย
2. ดอยเสมดาวไปช่วงไหนสวย เจอทะเลหมอกเยอะ ๆ
ดอยเสมอดาว ช่วงปลายฝนต้นหนาว (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวดอยเสมอดาวมากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงจังหวะรอยต่อระหว่างอากาศชื้น(ฤดูฝน)กับอากาศเย็น(ฤดูหนาว) ทำให้ช่วงนี้มีหมอกมากเป็นพิเศษ ซึ่งแทบจะเกิดทะเลหมอกได้ทุกวัน(ทะเลหมอกจะพีคสุดช่วงเดือน พ.ย.) ส่วนจะมีมากหรือน้อยก็แล้วแต่ว่าลมแรงหรือไม่ ถ้าลมเบาหมอกจะเยอะ หากลมแรงหมอกจะมีพอประมาณ ช่วงนี้ทัศนวิสัยค่อนข้างดีไม่ค่อยมีหมอกแดดมารบกวน แต่ยังไงก็ตามช่วงนี้ยังมีโอกาสเจอฝนตกอยู่นะครับ ซึ่งฝนจะตกตอนบ่ายถึงเย็นและตกไม่เกิน 2 ชั่วโมง แล้วยิ่งถ้าวันไหนฝนตกตอนเย็นขอบอกเลยว่าเช้าวันต่อมาเตรียมพบกับอภิมหาโคตรทะเลหมอกได้เลย(ส่วนใหญ่ฝนจะตกช่วงต้น ต.ค. ส่วนเดือน พ.ย. ก็แทบไม่มีฝนแล้ว) ถึงแม้ว่าช่วงนี้อากาศจะไม่หนาวมาก แต่เรื่องความงามของธรรมชาติผมยกให้เป็นที่สุด เพราะนอกจากช่วงนี้จะตรงกับช่วงโค้งสุดท้ายของการล่าทางช้างเผือกแล้วยังตรงกับช่วงที่นาข้าวในจังหวัดน่านออกรวงด้วย
ดอยเสมอดาว หน้าหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ช่วงนี้เหมาะกับมานั่งนับดาวสัมผัสอากาศหนาว ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ทะเลหมอกยังพอมีอยู่บ้าง แต่ถ้ามาช่วงเดือน ม.ค. (รวมช่วงปีใหม่ด้วย) อากาศจะเริ่มแห้งและความชื้นจากหน้าฝนเริ่มไม่มีแล้ว ทะเลหมอกอาจต้องลุ้นหน่อยนะครับ เพราะบางครั้งน้องหมอกก็ขี้เกียจ ยิ่งวันไหนลมหนาวมาแรงมาก ๆ ทะเลหมอกจะโดนลมพัดเหลือเพียงแค่เป็นลำธารหมอกเท่านั้น สำหรับใครที่จะมาล่าทางช้างเผือกช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าไม่มี เพราะช่วงนี้น้องช้างลาพักร้อนจะมีเพียงแต่หางช้างเท่านั้น ดังนั้นช่วงนี้เหมาะกับการมารับลมหนาวอย่างเดียว อย่าไปคาดหวังกับทะเลหมอกมากนัก และในช่วงเดือน ก.พ. จะเริ่มมีหมอกแดดมารบกวนบ้างแล้ว ทัศนวิสัยเริ่มลดลง ความใสของท้องฟ้าน้อยกว่าปลายฝนต้นหนาว
ดอยเสมอดาว หน้าร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) ช่วงนี้ไม่เหมาะกับการมาดอยเสมอดาวเลย เนื่องจากหมอกแดดและหมอกควันลงจัดมาก ทัศนวิสัยลดลง ต้นไม้ใบหญ้าเป็นสีน้ำตาล อากาศค่อนข้างแห้ง ช่วงนี้โอกาสไม่เจอทะเลหมอกสูงมาก(จะเจอได้ก็ต่อเมื่อกลางคืนมีฝนตก ซึ่งโอกาสที่ฝนจะตกช่วงนี้ก็มีน้อยมากจริง ๆ) แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นหน้าร้อนแต่ตอนกลางคืนอากาศยังเย็นถึงหนาวอยู่นะครับ หากใครไม่ได้ซีเรียสเรื่องทะเลหมอกกับหมอกควันก็มาเที่ยวได้ ส่วนข้อดีของช่วงนี้คือจะตรงกับฤดูกาลเริ่มต้นล่าน้องช้างพอดี ราว ๆต้นเดือน มี.ค. เวลาประมาณ 04:30 – 05:00 น้องช้างจะขึ้นขนานกับขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นหากใครจะมาดอยเสมอดาวช่วงนี้ แนะนำให้มาคืนเดือนมืดนะครับ อย่างน้อยมาแล้วไม่เจอทะเลหมอกก็เก็บน้องช้างไปแทนละกัน 555
ดอยเสมอดาว หน้าฝน (มิถุนายน-กันยายน) ทางอุทยานแห่งชาติจะปิดไม่ให้มีการเข้าไปพักหรือกางเต็นท์ แต่ก็สามารถเข้าไปเที่ยวได้ตั้งแต่ 06:00 -18:00 ช่วงนี้ก็จะได้บรรยากาศหมอกแบบหลังฝนตก ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกันเอาไว้ผมไปเมื่อไหร่จะมาเขียนเพิ่มเติมนะครับ
โดยสรุปแล้วที่หลายคนถามผมว่าดอยเสมอดาวไปช่วงเดือนไหนสวยที่สุด? ผมขอตอบเลยว่า “ช่วงกลางเดือนตุลาคม- กลางเดือนธันวาคม” เพราะมีโอกาสเจอทะเลหมอกได้ทุกวัน และเป็นช่วงเวลาเดียวที่สามารถล่าทางช้างเผือกได้ในตอนหัวค่ำ ไม่ต้องนอนดึกมาก มีแรงตื่นเช้ามาเก็บทะเลหมอกได้สบาย ๆ
3. มาดอยเสมอดาวไม่ล่าดาวได้อย่างไร
ชื่อก็บอกแล้วว่า “ดอยเสมอดาว” แล้วจะไม่มาล่าดาวได้อย่างไร ด้วยที่ตั้งของดอยเสมอดาวอยู่ห่างไกลกับเมือง ทำให้แสงไฟรบกวนน้อย ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีแสงจันทร์รบกวน ที่นี่จะเห็นดาวได้ชัดเจนมาก เรียกได้ว่าตอนนี้ดอยเสมอดาวกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตติดโผของนักล่าดาวเมืองไทยไปแล้ว อันที่จริงแล้วระดับความสูงของภูเขาก็ไม่ได้มีผลต่อการเห็นดวงดาวชัดไม่ชัดนะครับ เพราะว่าดวงดาวอยู่ห่างจากโลกหลายล้านกิโลเมตรกับแค่ภูเขาสูงต่างกันไม่กี่กิโลเมตร มันไม่มีผลอะไรหรอก 555 แต่สิ่งที่มีผลต่อการดูดาวมากที่สุด ก็คือสภาพแสงรบกวน(Light Pollution) และฝุ่นละอองในอากาศ เพียงแต่ว่าภูเขาสูงจะหลีกเลี่ยงแสงรบกวนได้ดีกว่าพื้นราบนั่นเอง เมื่อก่อนผมยอมรับว่าดอยอินททนท์เห็นดาวชัดเจนที่สุด แต่ในระยะตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริเวณดอยอินทนนท์มีมลภาวะทางแสงจากโครงการเกษตรหลวงค่อนข้างมาก ดังนั้นสำหรับผมแล้วตอนนี้ดอยเสมอดาว คือเดอะเบสของการล่าดาวเลย ส่วนใครที่เป็นมือใหม่แล้วอยากล่าช้างแนะนำให้ไปช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะใจกลางทางช้างเผือกจะขึ้นหลังจากแสงสนธยา(twilight)ตอนเย็นหมดลง และน้องช้างก็หาไม่ยาก ง่าย ๆเลยพระอาทิตย์ตกมุมไหนทางช้างเผือกก็จะปรากฏมุมนั้น ไม่ต้องเปิดแอปดูดาวหาช้างให้เมื่อย และเพื่อไม่ให้พลาดทางช้างเผือก ผมก็มี ตารางทางช้างเผือก เอาไว้ให้วางแผนคลิกได้ที่ลิงค์เลย
อันนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่า “ในช่วงเดือนธันวาคม-กลางกุมภาพันธ์ ไม่มีทางช้างเผือกนะครับ ช่วงนี้น้องช้างลาพักร้อน” ซึ่งน้องช้างจะกลับมาทำงานอีกทีตอนปลายเดือน ก.พ. แต่อย่าเสียใจไป ไหน ๆก็มาแล้ว ลองมาถ่ายวัตถุบนท้องฟ้าที่เห็นได้ง่ายๆ กันดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น เนบิวลานายพราน กระจุกดาวลูกไก่ กาแลกซี่แอนโดรเมดรา หรือแม้กระทั่งเก็บดาวตก ก็สามารถถ่ายได้ในช่วงนี้ หลายคนเข้าใจผิดว่าดาวตกมีเฉพาะแค่วันที่มีฝนดาวตก อันที่จริงแล้วดาวตกมันมีทุกวันนะครับ หากเรามองท้องฟ้าตลอดคืนอย่างน้อย 1 ชม. ก็มีดาวตกประมาณ 3-5 ดวงได้ เพียงแต่ในช่วงที่มีฝนดาวตก ดาวจะตกเยอะกว่าปกติเท่านั้นเอง(20-50 ดวง/ช.ม.) สำหรับใครที่ต้องการเริ่มหัดถ่ายดาว ผมก็เขียนบทความ วิธีการถ่ายดาว ไว้ให้อ่านคลิกที่ลิงค์ได้เลย
4. ทะเลหมอกดอยเสมอดาว ความสวยงามที่ไม่ควรพลาด
หลายคนจุใจกับการเก็บดาวตอนกลางคืน แต่ก็อย่าเผลอนอนตื่นสายนะครับ ไม่งั้นจะพลาดชมทะเลหมอกสวย ๆในตอนเช้า แนะนำให้ตื่นประมาณตี 5 แล้วมาเตรียมตั้งกล้องประมาณ 05:30 เพื่อมาเก็บทะเลหมอกในช่วงแสงสนธยา และไม่พลาดช่วงจังหวะพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า ยิ่งในช่วงวัดหยุดยาวหรือเทศกาลถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ขึ้นมาเร็ว ๆ ครับ เพราะแถวหน้าจะเต็มเร็วมาก ไม่งั้นอาจดูหัวคนข้างหน้าแทนทะเลหมอกได้ สำหรับผมแล้วดอยเสมอดาวถือว่ามีทะเลหมอกสวยสุดรองจากภูชี้ฟ้า(ผมให้ภูชี้ฟ้าเป็นที่หนึ่งในประเทศครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย) ส่วนสถานที่ชมทะเลหมอกของดอยเสมอดาวจะมีอยู่ 2 จุดตามนี้เลย
ลานบนดอยเสมอดาว เป็นจุดชมวิวหลักและยอดนิยมของดอยเสมอดาว เพราะอยู่ใกล้กับลานกางเต็นท์หลักของอุทยานฯ และความเป็น Signature ของลานนี้ก็คือจะมีต้นไม้ตั้งโด่เด่อยู่ 2 ต้น แล้วมีผาหัวสิงห์เป็นฉากหลัง
ผาชู้ เป็นอีกหนึ่งจุดสำหรับชมวิวทะเลหมอกของดอยเสมอดาว ตรงบริเวณจุดนี้จะใกล้ชิดกับทะเลหมอกมากกว่าลานบนดอยเสมอดาว แต่ก็แลกมากับมุม Landscape ที่แคบลง ถ้าถามว่าตรงไหนสวยกว่า ก็คงเป็นจุดชมวิวลานบนดอยเสมอดาวแหละครับ เพราะเอาเข้าจริง ๆ บริเวณนี้จะเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวกรณีลานบนดอยเสมอดาวคนเต็ม
หลายคนสงสัยว่าทำไมดอยเสมอดาวถึงมีทะเลหมอกได้ง่าย? ขอตอบเลยว่าสิ่งที่ทำให้ดอยเสมอดาวมีโอกาสเกิดทะเลหมอกได้เกือบทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูหนาว ก็เนื่องมาจากว่าด้านล่างมีแม่น้ำน่านไหลผ่านหุบเขา เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว หากเป็นคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆพื้นดินจะคายความร้อนออกสู่บรรยากาศได้ดี อากาศพื้นล่างหุบเขาจะเย็นลงจนถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้าง ทำให้ไอน้ำในอากาศกลั่นตัวกลายเป็นหมอก ซึ่งหมอกแบบนี้เราเรียกว่า “หมอกแบบแผ่รังสี(Radiation Fog )” นั่นเอง แล้วแม่น้ำน่านยังเป็นตัวช่วยในการสร้างหมอกอีกชนิดที่เรียกว่า “หมอกไอน้ำ(stream fog)” ที่เกิดจากในตอนกลางคืนอากาศบนภูเขาเย็นตัวลง ซึ่งอากาศเย็นบนภูเขานี้เองจะหนักแล้วไหลพัดลงสู่หุบเขาผ่านเหนือแม่น้ำน่านที่อุ่นจากการสะสมความร้อนเมื่อตอนกลางวัน ทำให้เกิดไอหมอกลอยเหนือแม่น้ำน่านที่อุ่น(คล้ายกับการต้มน้ำร้อนหรืออาบน้ำอุ่นตอนอากาศเย็น) และด้วยความที่เป็นหุบเขาไม่มีลมพัด หมอกจึงค่อย ๆสะสมกลายเป็นทะเลหมอกนั่นเอง ดังนั้นวิธีสังเกตง่าย ๆ ว่าพรุ่งนี้เช้าทะเลหมอกจะเยอะหรือไม่ ให้ดูว่า “หากคืนที่เราไปท้องฟ้าตอนกลางคืนแจ่มใสไร้เมฆ(เห็นดาวเยอะ ๆ) ลมค่อนข้างนิ่ง อากาศเย็นและชื้น(สังเกตจากน้ำค้างเกาะเต็นท์เยอะ ๆ) เช้าวันต่อมาทะเลหมอกเยอะแน่นอน
อันที่จริงแล้วดอยเสมอดาวหลังจากกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ทะเลหมอกก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันนะครับ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าทะเลหมอกจะเกิดขึ้นในช่วงที่ลมหนาวมาแรงสุด แม้ว่าทะเลหมอกจะชอบอากาศเย็น แต่ก็ไม่ได้ชอบลมหนาวที่แรงนะครับ ดังนั้นในช่วงที่ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาจากประเทศจีนช่วงแรก ๆ ช่วงนั้นอย่าพึ่งไปนะครับ เพราะจังหวัดน่านเป็นจุดรับลมหนาว ช่วงนี้ลมจะแรงมาก โอกาสพลาดทะเลหมอกก็สูงมากเช่นกัน ต้องรอให้กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า “ความกดอากาศสูงหรือลมหนาวเริ่มอ่อนกำลังลง” ช่วงนี้ให้จัดเลย โอกาสเจอทะเลหมอกแบบเต็มๆสูงมาก จำไว้เสมอว่า “ทะเลหมอกจะเกิดเยอะตอนที่มวลอากาศเย็นเริ่มถอยออกไปหรืออากาศเริ่มอุ่นขึ้นนั่นเอง” แต่จะว่าไปแล้วบางทีผมคิดว่าหมอกน้อย ๆ มันก็สวยไปอีกแบบนะครับ กลับกลายเป็นว่าหมอกเยอะอาจจะไม่สวยอย่างที่คิดก็ได้ แต่ถ้าเอาให้ดีทะเลหมอกควรพอดี ๆ จะสวยงามที่สุด เพราะจะได้เห็น Layer ชั้นภูเขาเบื้องล่างด้วย
5. เย็นดูตะวันลับขอบฟ้า
ด้วยลานบนดอยเสมอดาวที่สามารถเห็นวิวได้เกือบ 360 องศา นอกจากชมทะเลหมอกตอนเช้า กลางคืนดูดาว ก็ยังสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย หากช่วงไหนอากาศดีเราจะเห็นพระอาทิตย์ลับขอบภูเขาของอุทยานแห่งชาติขุนสถาน แต่สำหรับผมแล้วดอยเสมอดาวพระอาทิตย์ตกดินก็สวยพอไปได้ ไม่ได้โดดเด่นมากนัก เอาไว้ถือเป็นของแถมไปละกัน เพราะอย่างไรแล้วจุดขายจริง ๆของดอยเสมอดาว ก็อยู่ในช่วงกลางคืนกับตอนเช้านั่นแหละครับ
6. ไปดอยเสมอดาว พักที่ไหนดี?
ต้องบอกก่อนเลยว่าบนดอยเสมอดาว มีบ้านพักอุทยานฯให้นะครับ แต่ว่ามันไกลจากจุดชมวิวลานบนดอยเสมอดาวมาก ถ้าอยากนอนใกล้ ๆจุดชมวิวจะต้องนอนเต็นท์เท่านั้น ซึ่งจะนำเต็นท์มากางเองหรือเช่าของอุทยานฯก็ได้ เต็นท์ของอุทยานฯ จะเป็นแบบนอน 2 คน ราคา 345 บาท และนอน 3 คน ราคา 405 บาท ภายในเต็นท์มีถุงนอน เบาะรอง หมอนให้ครับ ลานกางเต็นท์ของอุทยานฯมีทั้งหมดสามที่ ได้แก่ ป่าสน ผาชู้ ลานดูดาว ในปัจจุบันทางอุทยานฯห้ามก่อกองไฟทำอาหารหรือหมูกระทะบริเวณที่กางเต็นท์แล้วนะครับ จะต้องลงไปกินกันตรงบริเวณที่อุทยานฯได้จัดไว้ให้ สำหรับคนที่จะจองเต็นท์กับอุทยาน ให้โทรไปที่เบอร์ 093-242-2914 ซึ่งจะเปิดให้จองล่วงหน้าประมาณกลางเดือน ก.ย. และเปิดให้เข้าไปพักแรมหรือกางเต็นท์จริง ๆประมาณ 1 ต.ค ของทุกปี (ใครจะจองช่วงวัดหยุดยาวควรจองล่วงหน้า 1-2 เดือน ส่วนคืนวันศุกร์-เสาร์ ควรจองล่วงหน้า 2-4 สัปดาห์ ไม่งั้นอาจเต็มได้) สำหรับใครที่อยากจองบ้านพักอุทยานฯ ก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซด์ กรมอุทยานแห่งชาติ แล้วเลือกอุทยานฯศรีน่านได้เลย ราคาจะอยู่ที่หลังละ 1,800 บาท/คืน มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พักได้ 6 คน (เฉลี่ยคนละ 300 บาท/คน) ถือว่าไม่แพงเลย
7. ดอยเสมอดาว เดินทางมายังไง ไกลไหมจากเมืองน่าน
“ดอยเสมอดาว” นับเป็นหนึ่งในดอยที่มีวิวสวยแล้วขับรถขึ้นง่ายสุด เมื่อเทียบกับดอยต่าง ๆทางภาคเหนือ ซึ่ง“ดอยเสมอดาว” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ต.ศรีษะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน อยู่ห่างจากตัวอำเภอนาน้อยประมาณ 16 กิโลเมตร(ทล.1083) หรือขับรถไม่เกิน 20 นาทีจากนาน้อย และอยู่ห่างจากเมืองน่านประมาณ 77 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากเมืองน่านมาดอยเสมอดาวก็ราว ๆ 1 : 20 ช.ม.(ขับแบบชิว ๆ) แล้วถ้าใครเดินทางมาจากกรุงเทพก็สามารถใช้เส้นทางลัดตรงแยกบ้านห้วยแก๊ต อ.ร้องกวาง จ.แพร่ เส้นนี้จะผ่านอุทยานแห่งชาติขุนสถาน(ทล.1026) บอกเลยว่าวิวถนนลอยฟ้าสายนี้เด็ดพอ ๆ ทล.1081(สันติสุข-บ่อเกลือ) ส่วนรูปข้างล่างก็เป็นรูปทุ่งนาข้างทางระหว่างขึ้นมาดอยเสมอดาว และถนนที่พาดผ่านเขตอุทยานฯขุนสถาน
