แม่ฮ่องสอน
เมืองแม่ฮ่องสอน ดินแดนวัฒนธรรมไทใหญ่
“แม่ฮ่องสอน” เป็นหนึ่งในเมืองรองยอดนิยมของนักเดินทางสายลุย แม้ว่าการเดินทางมาแม่ฮ่องสอนจะต้องผ่านทางโค้งขึ้นลงภูเขามากมาย หรือต่อให้มาทางเครื่องบินก็ต้องนั่งรถผ่านโค้งขึ้นลงภูเขาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อยู่ดี ด้วยการเดินทางที่ยากลำบากนี้ทำให้แม่ฮ่องสอนกลายเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์มากสำหรับนักเดินทางที่ชอบความท้าทาย หลายสถานที่ก็ unseen อยู่ และบางสถานที่ก็ยังคงต้องรอการสำรวจต่อไปด้วย (พวกถ้ำต่าง ๆ) นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว “แม่ฮ่องสอน” ยังถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมชาวไทใหญ่ของไทยด้วย(ไทใหญ่ผสมล้านนิดหน่อย) สังเกตได้ง่าย ๆวัดในแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นแบบทรงปราสาททำด้วยไม้หลังคามุงสังกะสี ในขณะที่สถาปัตยกรรมของวัดทั่ว ๆไป ไม่ว่าจะภาคไหนก็ตามจะเป็นแบบปูนก่อด้วยอิฐแทบทั้งนั้น แนะนำว่าถ้าใครอยากเห็นวัดทรงแปลก ๆทำจากไม้(ศิลปะแบบไทใหญ่)ก็ต้องมาดูที่แม่ฮ่องสอนนี่แหละครับ

หลายคนถามผมว่า “แม่ฮ่องสอน” ไปช่วงไหนดีที่สุด? ผมขอตอบเลยว่า เดือนพฤศจิกายน เพราะมีโอกาสเจอทะเลหมอกตามหุบเขาต่าง ๆมากที่สุด แล้วเป็นช่วงเดียวที่ดอยแม่อูคอทุ่งดอกบัวตองบานสะพรั่ง แต่ว่าถ้ามาช่วงนี้อากาศจะไม่ค่อยเย็น ดังนั้นหากใครมาแล้วต้องการไอหมอกบนน้ำที่ปางอุ๋งหรือบ้านรักไทยเยอะ ๆ ให้ไปช่วงเดือนมกราคมแทนครับ ส่วนรายละเอียด สภาพอากาศ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อ่านต่อด้านล่างได้เลย
แม่ฮ่องสอน ไปช่วงไหนดี สภาพอากาศแม่ฮ่องสอนแต่ละเดือนเป็นอย่างไร

แม่ฮ่องสอน หน้าฝน (เดือนพฤษภาคม-กลางตุลาคม) ในช่วงเดือน พ.ค. ฝนที่ตกส่วนใหญ่เป็นฝนฟ้าคะนองและตกไม่เกิน 1-2 ช.ม. แต่พอเข้าเดือน มิ.ย. ไปจนถึงกลางเดือน ก.ย. ฝนจะตกติดต่อกันแบบหูดับตับไหม้ และยาวนานกว่าที่อื่น ๆในภาคเหนือ เนื่องจากแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาด้านหน้าของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้(มรสุมฤดูฝน) หลังจากกลางเดือน ก.ย. ฝนจะเริ่มลดลง(ตกวันละไม่เกิน 1-2 ช.ม. อีกครั้ง) โดยทั่วไปแล้วฝนจะเริ่มหมดประมาณกลางเดือน ต.ค. บวกลบ 2 สัปดาห์ ส่วนเรื่องของอุณหภูมิช่วงนี้ค่อนข้างคงที่ อากาศตอนเช้ากำลังดี กลางวันค่อนข้างร้อนชื้น แต่ถ้าวันไหนมีฝนตกทั้งวันอากาศก็กำลังดีไม่ร้อนไม่หนาว สำหรับหมอกที่แม่ฮ่องสอนในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นหมอกที่เกิดขึ้นหลังจากฝนตก ลักษณะหมอกจะเป็นก้อนปื้นๆ ซึ่งต่างจากฤดูหนาวที่เป็นหมอกแบบแผ่นๆ

แม่ฮ่องสอน ช่วงปลายฝนต้นหนาว (กลางเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) ต้องยอมรับว่าแม่ฮ่องสอนจะหนาวช้ากว่าที่อื่น ๆในภาคเหนือ เพราะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ตะวันตกที่สุด ซึ่งปกติลมหนาวช่วงแรกมักจะแผ่มาทางตะวันออกของภาคเหนือก่อน ดังนั้นในช่วงนี้แม่ฮ่องสอนบริเวณพื้นราบตอนเช้าๆอากาศจะแค่เย็นๆเท่านั้น(ต่อให้ความกดอากาศสูงลงมาแรงก็ได้แค่เย็น ๆ น้อยครั้งมากที่จะหนาวในช่วงนี้) ในตอนกลางวันอากาศร้อนชื้นไม่ต่างกับที่อื่น ๆของไทย ความพีคของช่วงนี้คืออากาศเย็นจากจีนปะทะกับความชื้นที่สะสมจากฤดูฝน ทำให้ตามหุบเขาต่าง ๆมีโอกาสเกิดทะเลหมอกได้มากที่สุด ส่วนหมอกคลุมเมืองแม่ฮ่องสอนพอมีบ้าง เฉลี่ย 7 วัน/ช่วง ดังนั้นใครจะมาเก็บทะเลหมอกตามหุบเขาดอยต่าง ๆ ต้องมาช่วงนี้นะครับ ซึ่งตรงกับช่วงทุ่งดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอบานสะพรั่งพอดี(ราว ๆกลางเดือนพฤศจิกายน) สำหรับฝนช่วงนี้ก็พอมีอยู่ แต่ตกไม่เยอะ ส่วนมากจะตกบนยอดภูเขาสูง ๆ

แม่ฮ่องสอน หน้าหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่แม่ฮ่องสอนมีสภาพอากาศหนาวเย็นมากที่สุด โดยเฉพาะกลางเดือน ม.ค.- ก.พ. และเป็นหนาวชื้นๆ ไม่มีลมพัด ความสุดของช่วงนี้คือท้องฟ้าส่วนใหญ่จะแจ่มใสไร้เมฆ พอเวลากลางคืนพื้นดินจะคายความร้อนได้ดี ทำให้อากาศบริเวณเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีลักษณะเป็นหุบเขาเย็นตัวลง จนไอน้ำในอากาศควบแน่นกลายเป็นทะเลหมอกได้ง่าย บางวันหมอกหนาขนาดกลั่นเป็นฝนละอองได้เลย ดังนั้นช่วงนี้บนวัดพระธาตุกองมูจะมีทะเลหมอกได้มากที่สุดถึง 45 วัน/ช่วง ยิ่งในช่วงเดือน ธ.ค.- ม.ค. ทะเลหมอกแทบเกิดขึ้นได้ทุกวัน เนื่องจากแม่ฮ่องสอนหนาวช้ากว่าที่อื่น ๆในภาคเหนือ และเป็นหนาวชื้น ทำให้ต้นไม้ที่นี่ส่วนใหญ่คงความเขียวไปจนถึงต้นเดือน ก.พ. แต่หลังจากนั้นต้นไม้ก็เริ่มผลัดใบทิ้งและเข้าสู่ฤดูแล้งอย่างเต็มตัว สำหรับฝนในช่วงนี้จะมีเฉพาะช่วงที่กระแสลมตะวันตกพัดย้อยลงมาเท่านั้น โดยเฉลี่ยแล้วจะตกเพียง 5-6 วัน/ช่วง ส่วนใหญ่จะเป็นฝนปรอย ๆ เมฆครึ้ม ๆ แล้วหากวันไหนฝนตก วันนั้นอากาศจะเย็นสบายทั้งวัน แดดไม่ร้อน แต่ข้อเสียคือไม่มีไอหมอกบนน้ำ ดังนั้นต้องเลือกว่าจะไปดูไอหมอกบนน้ำ หรือเอาแดดไม่ร้อน

แม่ฮ่องสอน หน้าร้อน (เดือนมีนาคม-กลางพฤษภาคม) หรือฤดูแล้งของทางภาคเหนือ ในเรื่องของหมอกแดดหรือหมอกควันที่แม่ฮ่องสอนถือว่าสุดมาก เนื่องจากติดชายแดนพม่า ซึ่งในบริเวณพม่าจะมีการเผาป่ามากกว่าทางฝั่งไทย ดังนั้นแม่ฮ่องสอนจึงได้รับควันทั้งในและนอกพร้อม ๆกัน ใครที่คิดจะไปแม่ฮ่องสอนช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้ให้เลี่ยงเลยจะดีสุด โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมถือว่าเป็นช่วงที่มีทัศนวิสัยโดยรวมแย่มาก ต้องรอจนกว่าช่วงกลางเดือนเมษายนถึงจะเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เพราะมีความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมา ทำให้มีฝนตกลงมาช่วยลดหมอกควันได้บ้าง(ส่วนใหญ่จะเป็นฝนฟ้าคะนองตกไม่เกิน 1-2 ช.ม.) ด้วยแม่ฮ่องสอนมีเทือกเขาสูงล้อมรอบนอกจากกักหมอกควันแล้วยังกักความเย็นด้วย ทำให้ในตอนเช้าเดือน มี.ค.- ต้น เม.ย. อากาศจะเย็นจนถึงหนาว แต่ในขณะเดียวกันด้วยความเป็นหุบเขาไม่มีลม ในช่วงกลางวันที่พระอาทิตย์เกือบตั้งฉาก เมื่อพื้นดินได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มๆแล้วไม่มีการระบายความร้อนจากลม ทำให้แม่ฮ่องสอนตอนกลางวันนั้นร้อนสุดๆ จนได้แชมป์ทำลายสถิติอุณภูมิสูงสุดของประเทศไทยด้วยอุณหภูมิ 44.6 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559 และความพีคกว่านั้นคือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอุณหภูมิหน้าร้อนเหวี่ยงมากที่สุดในไทย เฉลี่ยแล้วประมาณ 18 องศาเซลเซียส/วัน และมีบ้างครั้งอาจเหวี่ยงถึง 25 องศาเซลเซียส/วัน นั่นหมายความว่าตอนเช้าอุณภูมิ 15 องศาเซลเซียส ตอนกลางวัน 40 องศาเซลเซียส จะเรียกเตาไฟแช่แข็งของไทยก็ได้ ฮ่า ๆ ส่วนต้นไม้ภูเขาอะไรต่าง ๆตอนนี้จะยังไม่เขียวจนกว่ามรสุมชุดแรกจะมาประมาณกลาง พ.ค ผมแนะนำว่าถ้าจะมาเที่ยวช่วงนี้รออีกนิดไปเดือนมิถุนายน เลยจะดีกว่า
เที่ยวแม่ฮ่องสอน ไปไหนดี เข้าไปอ่านข้อมูลแต่ละสถานที่เที่ยวกันได้เลย
ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนเหนือ
ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนใต้
เส้นทางเที่ยวแม่ฮ่องสอนแนะนำ สายถ่ายรูปไม่ควรพลาด
ข้อแนะนำในการเที่ยวแม่ฮ่องสอน
- ในช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือกลางเดือน ต.ค.- พ.ย. เหมาะสำหรับการมาดูทะเลหมอกตามหุบเขาต่าง ๆ อย่างดอยพุยโค ภูชี้เพ้อ บ้านจ่าโบ ม่อนหยุนไหล ซึ่งจะเริ่มมีทะเลหมอกตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. เป็นต้นไป และจะเยอะมากที่สุดช่วงเดือน พ.ย. แถมช่วงนี้จะตรงกับทุ่งบัวตองออกดอกบานอีกด้วย แต่ใครมาช่วงนี้ต้องยอมรับว่า ถ้าตั้งใจมาดูไอหมอกบนน้ำที่ปางอุ๋งหรือบ้านรักไทยจะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็น หรือหากมีปริมาณหมอกก็ไม่มากเท่ากับฤดูหนาว ส่วนทะเลหมอกบนวัดพระธาตุดอยกองมูจะมีมากที่สุดในช่วงเดือน ธ.ค. – ม.ค. ไม่ใช่ช่วงปลายฝนต้นหนาว
- สำหรับคนที่จะมาดูไอหมอกบนน้ำ ไม่ว่าจะเป็นปางอุ๋งหรือบ้านรักไทย ควรมาช่วงกลางเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ หรือถ้าเอาแบบมาแล้วไม่ให้พลาด ก็ต้องมาช่วงกลางเดือนมกราคม-กลางกุมภาพันธ์เลยครับ เพราะเป็นช่วงที่หนาวพีคสุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน(เป็นแบบนี้มา 10 ปี แล้ว) ถ้าโชคดีอาจได้ไอหมอกบนน้ำที่หนองจองคำเป็นของแถมด้วย
- ในช่วงฤดูฝนเหมาะกับการท่องเที่ยวทุ่งนาโฮมสเตย์อย่างสะพานซูตองเป้ บ้านแม่สะเรียง ขุนยวม ช่วงเวลานี้ถ้าจะขึ้นดอยหรือภู ผมไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเดินทางขึ้นลำบากแล้วก็อาจเจอเมฆหมอกปกคลุมไม่เห็นอะไรเลย ส่วนการทำนาที่นี่จะเริ่มทำนาประมาณเดือนมิถุนายน ดังนั้นความสวยของทุ่งนาจริง ๆจะอยู่ช่วง ส.ค. – ต.ค. แนะนำให้มาช่วง ต.ค.จะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงนาข้าวออกรวงพอดี
- ถ้ำน้ำลอดควรไปช่วงฤดูแล้งหรือประมาณเดือนธันวาคม-เมษายน จะเหมาะสมที่สุด เพราะจะได้เข้าถึง 3 โถงถ้ำ หากไปฤดูน้ำหลากจะเข้าเพียงได้โถงถ้ำเดียวเท่านั้น
- ถนนคนเดินของจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีทุกวันเฉพาะเดือนตุลาคม-เมษายน เท่านั้น (ส่วนอำเภอปายมีทุกวันตลอดทั้งปี เวลาเริ่มขาย 18:00 -22:00 ทั้งคู่)