ดอยสกาด
Highlight
- “ดอยสกาด” จุดเด่นคือการมาดูทุ่งนาบนสันเขาพร้อมหมอกไหลไปมา แนะนำให้ไปช่วงปลายในต้นหนาว (ต.ค.-พ.ย.) เพราะฝนเริ่มลดลงแล้ว และมีโอกาสเจอทะเลหมอกตอนเช้ามากที่สุด
- ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ต.ค.-พ.ย. เราสามารถถ่ายทางช้างเผือกได้ตั้งแต่หัวค่ำ ไม่ต้องนอนดึกมาก ก็ได้ภาพดาวสวย ๆกลับบ้าน
- ดอยสะกาดตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยภูคา อากาศเย็นตลอดทั้งปี ทางขึ้นไม่ชันมาก แต่ค่อนข้างแคบ ที่พักมีจำกัด จำเป็นต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป
1. ดอยสกาด ขุนเขานาข้าว ดูดาว ดูหมอก ครบในที่เดียว
ใครกำลังวางแผนไปเที่ยวน่าน “ดอยสกาด” คืออีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ควรไปอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสายท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่นี่เราสามารถดูได้ทั้งทุ่งนาบนภูเขา แสงเย็นอันสวยงาม ดาวระยิบระยับกลางคืน หมอกตามสันเขา และอาจเจอทะเลหมอกสุดอลังการได้ในช่วงปลายฝนต้นหนาว แนะนำว่าใครมาเที่ยวควรขึ้นมาพักโอมสเตย์บนนี้อย่างน้อยหนึ่งคืน เราจะได้เห็นธรรมชาติทุก ๆช่วงเวลา ยิ่งช่วงหลังฝนตกจะมีหมอกไหลไปตามสันเขาให้ชมสวย ๆ ได้ตลอดเวลา พร้อมกับดริฟกาแฟ จิบชา ไปด้วย ขอบอกเลยว่าโคตรฟิน แล้วใครเป็นสายถ่ายรูปก็เตรียมเมมไปเยอะ ๆ ได้กดชัดเตอร์กันรัว ๆ แน่นอนค้าบ
การท่องเที่ยวบนดอยสะกาด ส่วนใหญ่แล้วเป็นการท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน นอนโอมสเตย์ กินลมชมวิว ด้วยที่ดอยสะกาดหันหน้าไปทาง อ.ปัว เราจึงเห็นที่ราบลุ่มเมืองปัวอันกว้างไกล สลับกับเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา ทำให้บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่นของจังหวัดน่าน นอกจากธรรมชาติที่งดงามแล้ว “ดอยสะกาด” ยังเป็นแหล่งปลูกชาหรือเมี่ยงสายพันธุ์อัสสัม(มีเมี่ยงให้เคี้ยวด้วย คล้าย ๆหมากฝรั่ง แต่ทำจากชาเขียวหมักเปียก ๆ ขมมาก) แล้วหากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าน้ำชาที่นี่มีลักษณะออกเป็นสีชมพูอมส้ม แน่นอนว่าเป็นสีผสมจากสมุนไพรท้องถิ่น ซึ่งหอมมาก(คล้ายๆขิงเลย)
ดอยสกาดตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยภูคา ความสูงจากระดับทะเลเฉลี่ยประมาณ 850-1,100 เมตร และอยู่สูงจากตัวเมือง อ.ปัว ประมาณ 600-700 เมตร ไม่ว่าจะฤดูไหน บนนี้อากาศจะเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งในหน้าหนาวอากาศก็อาจลงไปถึงเลขหลักเดียวได้เลย ใครขี้หนาวก็เตรียมพกเสื้อหนาวกันมาให้พร้อม ด้านล่างคือตารางสรุปอุณหภูมิเฉลี่ยบนดอยสกาดในแต่ละเดือน
2.ดอยสกาด น่าน ไปช่วงไหนเจอทะเลหมอกสวย ๆ
ดอยสกาด หน้าฝน (เดือนพฤษภาคม-กันยายน) ช่วงนี้ฝนจะตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วง ก.ค.-ส.ค. ฝนจะตกเยอะที่สุด มาช่วงนี้เจอไอหมอกไหลตามสันเขาแน่นอน แต่ก็ต้องดูพยากรณ์อากาศด้วยว่ามีฝนเยอะมั้ย เพราะเสี่ยงเจอดินถล่มหรือเจอฝนหนักจนเที่ยวไม่ได้เช่นกัน อากาศช่วงนี้เย็นสบาย ป่าไม้เขียวขจี ทุ่งนาจะเริ่มปลูกประมาณ กลางเดือน ก.ค. ส่วนดูดาวช่วงนี้ถ้าท้องฟ้าโปร่งก็เห็นทางช้างเผือกเหนือหัวเลย แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยโปร่ง ฮ่า ๆ
ดอยสกาด ปลายฝนต้นหนาว (เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่แนะนำให้ไปเที่ยวมากที่สุด ทุ่งนาออกรวงเป็นสีทองพอดี (จะเก็บเกี่ยวต้น พ.ย.) ฝนจะตกช่วงบ่ายถึงเย็นลงไป กลางคืนท้องฟ้าจะเปิด สามารถถ่ายดาวล่าทางช้างเผือกตรงขอบฟ้าฝั่งทิศตะวันตกได้เลย หลังฝนตกเราจะเจอไอหมอกไหลไปตามสันเขาตลอดเวลา แล้วความพีคของช่วงนี้คือตอนเช้าจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมด้วย
ดอยสกาด หน้าหนาว (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) ช่วงนี้เหมาะกับคนชอบมาสัมผัสอากาศหนาว ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะกับการดูดาว (แต่ไม่มีทางช้างเผือก) อากาศส่วนใหญ่จะแห้ง ๆ ทะเลหมอกต้องลุ้น ถ้าลมหนาวลงมาแรงก็ไม่มี หมอกไหลตามสันเขาถ้าไม่มีฝนตกก็ไม่เจอ และส่วนใหญ่ฝนไม่ตกช่วงนี้ ยิ่งเดือน ม.ค. เป็นต้นไปโอกาสเจอหมอกจะน้อยลงมาก และป่าไม้เริ่มแห้ง ไม่เขียวแล้ว ทุ่งนาไม่มีแน่นอน น่าจะเจอทุ่งข้าวโพดแทน ดังนั้นช่วงนี้เหมาะกับมาสัมผัสอากาศเย็น ๆ เท่านั้น
ดังนั้นคำถามที่ว่า “ดอยสกาด” ไปช่วงไหนเจอทะเลหมอกมากที่สุด? ผมขอตอบเลยว่า “ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน” จะมีโอกาสเจอทะเลหมอกมากที่สุด โดยเฉพาะเย็นหรือคืนวันไหนฝนตก ตอนเช้าวันต่อมาก็เตรียมพบกับทะเลหมอกสุดอลังการได้เลย นอกจากนี้เป็นช่วงเวลาเดียวที่สามารถล่าทางช้างเผือกได้ในตอนหัวค่ำ และทุ่งนาข้าวก็ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วย เรียกได้ว่ามาช่วงนี้ได้ 3 เด้ง บอกเลย
3.ทะเลหมอกตอนเช้า ที่ไม่ควรพลาด
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ตอนเช้า ๆ ดอยสกาดมีโอกาสเจอทะเลหมอกสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าวันไหนฝนตกตอนเย็นหรือกลางคืน แล้วเช้าต่อมาอากาศแจ่มใส เราจะได้เห็นทะเลหมอกหุบเขาเมืองปัวอันกว้างใหญ่ ทะเลหมอกที่นี่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าก่อนพระอาทิตย์ไปยัน 10 โมงเช้ากันเลยทีเดียว ดังนั้นตื่นสายได้ แต่แนะนำให้ตื่นเช้าๆจะดีกว่า เพราะช่วงแสงเช้าจะสวยมาก ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
4.แสงเย็นดอยสกาด ก็เด็ดไม่แพ้กัน
ดอยสะกาด เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวของจังหวัดน่านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทำให้ที่นี่สามารถเก็บแสงเย็นได้สวยงาม ยิ่งช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกสัก 45 นาที แสงสีทองจะสาดส่องไปยังเทือกเขาดอยภูคาได้อย่างสวยงาม ดังนั้นใครที่มาดอยสะกาดแล้วไม่เจอทะเลหมอก ก็มาเก็บแสงเย็นกันได้ สำหรับสายถ่ายภาพแนะนำว่า “ถ้ามีเลนส์ระยะ 50-85mm จะสวยมาก เอาติดตัวไปด้วย ได้ใช้แน่นอน”
5.ไปล่าทางช้างเผือกที่ดอยสกาดกันมั้ย
ด้วยดอยสกาดที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า 800 เมตร จากระดับน้ำทะเล และห่างจากตัวเมืองปัวประมาณ 17 กิโลเมตร ทำให้บนนี้ท้องฟ้าค่อนข้างมืด ในคืนเดือนมืด จะเห็นดาวได้อย่างชัดเจน ในช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือราว ๆเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ทางช้างเผือกจะอยู่ขอบฟ้าฝั่งตะวันตกช่วงหัวค่ำพอดี เราสามารถล่าทางช้างเผือกได้ตั้งแต่หัวต่ำ ไม่ต้องนอนดึกเลย แถมเราได้ทางช้างเผือกพร้อมแสงไฟเมืองปัวเล็กๆน้อย ๆด้วย (ดาวที่สว่าง ๆในภาพ ไม่ใช่ดวงจันทร์แต่มันคือดาวศุกร์ หรือดาวประจำเมืองนั่นเอง) สำหรับใครจะดูว่าทางช้างเผือกสามารถเห็นได้ตอนไหนที่แสงจันทร์ไม่รบกวน เข้าไปวิธีถ่ายทางช้างเผือกกับตารางขึ้นตกทางช้างเผือกได้ที่ >>> ล่าทางช้างเผือก
6.เที่ยวดอยสกาด ไปพักที่ไหนดี
ปัจจุบันที่พักบนดอยสกาดค่อนข้างมีจำนวนจำกัด ส่วนมากจะอยู่ในหมู่บ้าน จุดที่มีวิวสวย ๆเท่าที่หาเจอก็จะมี สะกาด กม.8 กับ ม่อนสกาดคาเฟ่&ฟาร์มสเตย์ (หากใครมีที่อื่น ๆแนะนำมาหลังไมด์ได้นะค้าบ) ตอนแรกผมโทรไปจองที่สกาดกม.8 แต่เขาบอกว่าเต็ม ก็เลยได้ไปพักที่ ม่อนสกาดคาเฟ่&ฟาร์มสเตย์ ซึ่งเหลือ 2 ห้อง สุดท้ายพอดี ที่นี่มีทั้งหมด 4 ห้องเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครจะไปควรโทรจองล่วงหน้า 1 เดือน และหากเป็นช่วงเทศกาลเจ้าของแนะนำว่าควรโทรจองล่วงหน้า 5-6 เดือน
ม่อนสกาดคาเฟ่&ฟาร์มสเตย์ ที่พักตรงนี้จุดเด่นคือวิวสวยมาก ถึงมากที่สุด สามารถมองทิวเขาได้ 270 องศา มีร้านกาแฟชาด้านบนดาดฟ้า ซึ่งชาเขียวมะนาวที่นี่หอมอร่อยมากบอกเลย ห้องพักสะอาด ห้องน้ำแยกส่วนตัว ที่นี่จะมีไฟฟ้าแค่ถึง 3 ทุ่ม เท่านั้น เพราะเป็นไฟฟ้าที่ใช้จากโซลาร์เซลล์ แต่ทางที่พักมีไฟฉายกับโคมไฟให้
ในช่วงเย็นทางที่พักจะมีกับข้าวขันโตกอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อยมากตามฉบับพื้นบ้านเลย ในตอนเช้าก็จะมีข้าวต้มและมีชากาแฟใหได้ดริฟพร้อมชมบรรยากาศชิว ๆตอนเช้าให้ด้วย ซึ่งรวมกับแพคเกจค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว นับว่าคุ้มค่ามาก (ตอนผมไปคืนละ 1,200 บาท/ห้อง เอง) ส่วนข้าวเหนียว+ไข่เจียวในภาพอันนี้ผมสั่งเพิ่มเอง เพราะตอนที่ขึ้นไปถึงหิวมากครับ ฮ่า ๆ
รายชื่อที่พัก ดอยสะกาด
- ม่อนสกาด&ฟาร์มสเตย์ เบอร์โทร 089-997-6585
- สะกาด กม. 8 เบอร์โทร 061-215-4163
7.ถนนเมืองปัวมุ่งสู่ดอยสกาด
ดอยสกาดตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยภูคา ห่างจากเมืองน่านไปทางตอนเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร หรือเลยจากเมืองปัวไปประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากเมืองปัวประมาณ 30 นาที ทางขึ้นลาดยางตลอดสาย ส่วนความชันคิดว่าน้อยกว่าดอยภูคาเยอะมาก แต่ทางค่อนข้างแคบ หากขับด้วยความระมัดระวัง ค่อนข้างปลอดภัยเลยครับ ค่อยๆไปไม่ต้องรีบ ถึงแน่นอน ดอยสะกาดไม่หนีไปไหน หลายคนไม่รู้ว่าจริง ๆแล้วถนนใหญ่ในเมืองปัวหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตรงกับดอยสะกาดพอดี