เสาดินนาน้อย
Highlight
- หากมาดอยเสมอดาว ก็อย่าลืมแวะมาชมความแปลกของธรรมชาติที่เสาดินนาน้อย แนะนำให้มาช่วงบ่าย ๆถึงเย็นก่อนขึ้นไปดอยเสมอดาว
1.เสาดินนาน้อย จุดแวะก่อนขึ้นเสมอดาว
“เสาดินนาน้อย” หรือฮ่อมจ๊อม ตั้งอยู่ในเขตทิศตะวันตกของอุทยานฯศรีน่าน มีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินผสมหินลูกรังสีแดงปนส้มที่ถูกน้ำฝนกัดเซาะจนเป็นริ้วๆ วางตัวในแนวเหนือใต้ประมาณ 250 เมตร และตะวันออกไปตก 300 เมตร บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ความสูงเสาดินปะมาณ 6-14 เมตร ลักษณะคล้ายๆแพะเมืองผี จ.แพร่ สำหรับผมแล้วเสาดินนาน้อย ให้อารมณ์เหมือนอยู่กลางทะเลทราย แล้วตอนกลางวันก็ร้อนแบบทะเลทรายจริง ๆ (แนะนำให้พกร่มมาด้วย) Landscape ส่วนใหญ่ก็เป็นเสาดินแดงๆ ใครชอบเที่ยวแนวแห้งแล้ง ๆ เสาดินนาน้อยเป็นหนึ่งในสถานที่ไม่ควรพลาด เสาดินแบบนี้มีคำเรียกอีกอย่างว่า “ละลุ” ซึ่ง “ละลุ” ก็เป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่คล้าย ๆกับเสาดินนาน้อย แต่อยู่ที่จังหวัดสระแก้ว การเดินทางมาเสาดินนาน้อยก็ไม่ยากใช้เส้นทางเดียวกับดอยเสมอดาวเลย โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1083 ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร(เส้นเดียวกับที่ไปดอยเสมอดาว) เมื่อเจอป้ายเสาดินนาน้อยให้เลี้ยวขวาเข้าไปในถนนหมู่บ้านอีกประมาณ 4.6 กิโลเมตร
บริเวณเสาดินนาน้อยจะมีหญ้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “หญ้าเข็มนาฬิกา” ขึ้นอยู่กระจาย ลักษณะเด่นคือในฤดูแล้ง หญ้าจะขดตัวเป็นกระจุก พอช่วงฤดูฝนตกลงมาหญ้าชนิดนี้จะเริ่มหมุนคลายตัวแผ่กระจายออก และฝังส่วนหัวของหญ้าลงในพื้นดินและยังมี “ต้นติ๊กเตี้ยม” เป็นต้นไม้โบราณอายุมากกว่า 200 ปี ที่ขึ้นอยู่ตรงทางเข้าเสาดินนาน้อย เมื่อก่อนน่าจะเคยเป็นที่อยู่มนุษย์ยุคหินโบราณเนื่องจากมีการค้นพบกำไลหิน ขวานหิน ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน นอกจากนี้ที่นี่เคยมีชื่อเรียกว่า “ เด่นปู่เขียวหรืออีบด ” เนื่องจากเคยมีเรื่องเล่าว่าแต่ก่อน“คนชื่อ”ปู่เขียวหรืออีบดเนี่ยมานั่งอยู่บริเวณนี้ช่วงที่ดินกำลังโดนน้ำเซาะแล้วดินถล่มลงมาทับตาย (หวังว่าคงไปเกิดแล้วนะครับ ฮ่า ๆ) แต่ปัจจุบันก็เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “เสาดิน” ตามลักษณะภูมิประเทศที่เห็น
เสาดินนาน้อยมีลักษณะเป็นเนินดินตะพักที่ถูกกัดกร่อนด้วยน้ำและลม ชะล้างเอาตะกอนที่ยังไม่แข็งตัว(ดินอ่อน)ออกไป จนเหลือแต่ดินผสมลูกรังจนคล้ายกับเป็นเสาหิน โดยมีฝนตัวการสำคัญในการกัดกร่อน ชั้นตะกอนที่เกิดจากการสะสมตัวในแอ่งลุ่มน้ำในสมัยไพลโตซีน(ล้านปีที่แล้ว)ที่ยังจับตัวไม่แน่นแข็งเป็นหิน ถูกชะล้างพัดออกไป มีริ้วของการก่อนโดยน้ำ(Gully Erosion) จนเหลือแต่ส่วนที่ยังแข็งและส่วนนี้ก็ยังถูกกัดกร่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ เปลี่ยนแปลงทุก ๆปี จนสุดท้ายแล้วก็จะหายไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วงน่าจะใช้เวลาอีกหลายพันปีเลยทีเดียว สรุปให้ง่ายๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิสัณฐานที่เกิดจากคุณสมบัติการคงทนต่อการผุกร่อนของดินแต่ละชนิดที่มีความแตกต่างกัน ชั้นตะกอนที่ผุกร่อนง่ายจะทลายตัวเร็วกว่าแข็ง
2.คอกเสือ
คอกเสือจะอยู่เลยเสาดินนาน้อย ไปประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นแอ่งลึกจากเนินดินด้านบนประมาณ 10 เมตร เมื่อลงไปด้านล่างก็จะเห็นเป็นกำแพงดินลักษณะคล้ายผาช่อ ที่จ.เชียงใหม่ แต่ที่ผาช่อใหญ่กว่า แต่ความสวยงามไม่แพ้กันเลย สาเหตุที่เรียกว่าคอกเสือ เพราะว่าแต่ก่อนบริเวณนี้มีเสือเป็นจำนวนมาก จะมาขโมยสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านกิน ชาวบ้านจะรวมตัวกันไล่ให้ตกลงไปบ่อดินดังกล่าว แล้วทำการสังหารเสือซะเลย จึงเรียกว่า “คอกเสือ” พูดง่ายๆ คอกเสือเป็นกำแพงดินส่วนเสาดินนาน้อยเป็นดินแท่ง สำหรับผมแล้วคอกเสือสวยกว่าเสาดินนาน้อยถ้ามาแล้วผทว่าห้ามพลาดคอกเสืออย่างยิ่ง
3.เสาดินนาน้อย ไปช่วงไหนดี
เสาดินนาน้อยสำหรับผมถือว่าเป็นจุดแวะเที่ยว ดังนั้นจะมาตอนไหนก็ได้ แต่ถ้าเอาให้เหมาะสมที่สุด ก็น่าจะเป็นช่วงบ่าย – เย็น เพราะเป็นช่วงแสงแดดไม่ย้อน หากมองจากจุดชมวิวตรงศาลา สำหรับช่วงเช้าแล้วผมว่าแนะนำให้ไปดูทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาวดีกว่า ถ้าอยากได้แสงทองค่อยมาช่วงเย็น เพราะว่าในช่วงเช้าถ้าหากลองมองลงมาจากดอยเสมอดาวทางด้านฝั่งทิศตะวันตก เราจะเห็นว่ามีทะเลหมอกปกคลุมหุบ นั่นก็หมายความว่าบริเวณเสาดินนาน้อยก็ถูกหมอกปกคลุมในตอนเช้าเช่นกัน ดังนั้นเราจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือแสงทองยากมาก ในช่วงที่ดอยเสมอดาวมีทะเลหมอก
ส่วนฤดูกาลผมว่ามาตอนไหนก็เหมือนกันหมด มาช่วงหน้าฝนก็ได้ไม้สีเขียวหน่อย แต่ถ้ามาช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้า และท้องฟ้ามีโอกาสแจ่มใสมากกว่าช่วงฤดูฝน ซึ่งสีฟ้าของท้องฟ้าจะตัดกับสีทองของเสาดินพอดี ส่วนฤดูร้อนมีหมอกแดด ทำให้ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า ผมไม่ค่อยแนะนำให้มา แต่ถ้าใครมาแล้วแนะนำให้มาตอนเย็น เพราะจะได้ถ่ายเสาดินควบคู่กับพระอาทิตย์ตกดินแบบไข่แดง เนื่องจากช่วงนี้หมอกแดดจะเป็นตัวช่วยลดทอนความเข้มแสงอาทิตย์ มันก็สวยไปอีกแบบแต่ผมก็ไม่เคยลองนะ เคยดูในรายการ Full frame ช่างภาพสุดชั้ว ฮ่า ๆ ใครอยากลองดูมุมสวย ๆของเสาดินาน้อยให้เข้าไปดูรายการตามที่ผมแปะลิงค์ได้เลย