วัดศรีมงคล
Highlight
- “วัดศรีมงคล” หนึ่งในวัดที่จุดชมวิวทิวเขาดอยภูคาสวยที่สุดของอำเภอท่าวังผา จุดนี้จะใกล้ชิดกับยอดสูงสุดของดอยภูคา วัดศรีมงคลมีจุดถ่ายรูปเช็คอินเยอะกว่าวัดภูเก็ต แต่เห็นแนวทิวเขาดอยภูคาน้อยกว่า
- ควรมาช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือไม่ควรเกินกลางเดือนตุลาคม เพราะนาข้าวจะออกรวงเป็นทุ่งข้าวสีทองสวยที่สุด แต่ถ้าใครมาช่วงหน้าหนาวหรือกลางตุลาคมเป็นต้นไป ทุ่งนาด้านล่างจะกลายเป็นทุ่งข้าวโพดแทน
1.วัดศรีมงคล ชมวิวทิวเขาดอยภูคา
วัดศรีมงคล เป็นหนึ่งในวัดที่ไม่ควรพลาดมาก ๆ หากมีโอกาสได้มาเที่ยวทางตอนเหนือของจังหวัดน่าน จุดเด่นของวัดนี้คือภายในบริเวณวัดจะมีลานชมวิวที่สามารถเห็นวิวทุ่งนากับทิวเขาดอยภูคาทอดตัวเป็นแนวยาว นอกจากจะเป็น signature ของอำเภอท่าวังผาแล้วยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดดอยภูคาตั้งสูงตระหง่านได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ส่วนจะเห็นยอดดอยภูคาได้เยอะหรือไม่นั้น ก็ต้องลุ้นเอา เพราะส่วนมากแล้วยอดดอยภูคาจะถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกตลอดเวลา “วัดศรีมงคล” ตั้งอยู่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่เดิมชื่อว่า “วัดบ้านก๋ง” เนื่องจาก ”หลวงปู่ก๋ง” เป็นพระสงฆ์ที่ชื่อเสียงที่สุดของวัดนี้นั่นเอง
อันที่จริงแล้ววัดนี้ผมว่าค่อนข้างเอาใจสายถ่าย Portrait นะครับ เพราะมีหลายจุดที่สามารถถ่าย Portrait ได้สวย ๆ เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณด้านหน้าที่มีกระท่อมไม้ไผ่ชื่อว่า “เฮือนมะเก่า” ซึ่งภายในกระท่อมจะมีข้าวของเครื่องใช้โบราณให้ได้ชมได้ถ่ายรูปกันด้วย หรือต้นหมากคู่ที่อยู่บริเวณลานด้านหลังวัด ส่วนบริเวณรอบ ๆวัดจะมีการตกแต่งแบบล้านนายุคเก่าในอดีต ทำให้เรารู้สึกถึงกลิ่นอายล้านนา นอกจากนี้ใครมาเที่ยวแล้วรู้สึกเหนื่อย ๆ ก็แวะมาพักผ่อนจิบชากาแฟบรรยากาศดี ๆพร้อมกับวิวทุ่งนาภูเขาได้ภายในวัดอีกด้วย
2.วัดศรีมงคล ไปช่วงไหนดีที่ Landscape พีคๆ
วัดศรีมงคล หน้าฝน (มิถุนายน-กลางตุลาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยววัดศรีมงคลมากที่สุด แต่ว่าจะต้องเลือกมาหน่อยนะครับ ที่นี่จะเริ่มปลูกข้าวประมาณกลางเดือน มิ.ย. ซึ่งนาข้าวจะยังไม่เขียว ส่วนใหญ่จะเห็นท้องน้ำมากกว่าทุ่งนา ถ้าจะมาให้เห็นทุ่งนาเขียว ๆ ต้องมาช่วงปลายเดือน ก.ค. – กลางก.ย. หลังจากนั้นนาข้าวจะเริ่มออกรวงเป็นสีทองจนถึงกลางตุลาคม ถ้าใครมาแล้วพลาดทุ่งนาสวย ๆ แนะนำให้ขับรถเลยมาทางอำเภอเชียงกลาง เพราะนาข้าวแถบนี้จะเก็บเกี่ยวช้ากว่าแถบท่าวังผาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือราว ๆ กลางพฤศจิกายน
วัดศรีมงคล หน้าหนาว (กลางตุลาคม-กุมภาพันธ์) ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนไปเยอะสุด แต่ไม่สวยสุด เพราะทุ่งนาจะปลูกเป็นข้าวโพดแทน(พืชที่ใช้น้ำน้อย) แต่ข้อดีช่วงนี้ คือท้องฟ้าส่วนใหญ่จะแจ่มใสสีฟ้า ผมว่ามันได้อารมณ์แบบฤดูหนาว หมอกเมฆละภูเขาอันนี้แล้วแต่ดวงเลย ถ้าเช้าๆก็พอมี แต่ถ้าเกิน 8 โมงเช้า ก็หมดแล้ว ช่วงนี้อากาศค่อนข้างแห้ง ยิ่งเข้าเดือนมกราคม โอกาสเจอหมอกยิ่งยาก
วัดศรีมงคล หน้าร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) ช่วงนี้ผมว่าไม่มีอะไรเลย ทุ่งข้าวโพดก็หาย หมอกแดดหรือหมอกควันลง อากาศแห้ง ใครมาช่วงนี้แล้วอยากได้ภาพสวยๆ บอกเลยว่ายาก แต่ถ้ามาเพื่อเที่ยวเฉยๆก็มาได้ครับ ไม่แนะนำให้มาเดือนมีนาคม เพราะหมอกควันเยอะมาก
3.วัดศรีมงคลเหมือนหรือต่างจากวัดภูเก็ตมั้ย
วัดภูเก็ตกับวัดศรีมงคลเหมือนหรือต่างกันอย่างไร? แล้วควรไปที่ไหนดี ขอตอบเลยว่า”จริง ๆ แล้วก็คล้ายๆกันนั่นแหละ” เพียงแต่ว่าวัดภูเก็ตจะเห็นทิวเขาทอดตัวยาวจากเหนือไปใต้ ในขณะที่วัดศรีมงคลจะเห็นเพียงด้านหน้ากับซ้ายมือหรือทางทิศเหนือเท่านั้น และวัดศรีมงคลจะมีมุมให้ถ่ายรูปภายในวัดมากกว่าวัดภูเก็ต แต่ถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปทั้งสองวัด เพราะแต่ละที่มีจุดเด่นต่างกัน ทิวเขาที่เห็นก็คนละมุมกัน วัดศรีมงคลกับวัดภูเก็ตก็อยู่ห่างกันไม่ไกล ประมาณ 13 กิโลเมตร เท่านั้น ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1170 พอถึงทางหลวงหมายเลข 1081 ให้เลี้ยวไปทางซ้าย วัดศรีมงคลตั้งอยู่บนถนนสาย 1170 ห่างจากปากทางอำท่าวังผาประมาณ 10 กิโลเมตร สำหรับใครที่อยากรู้ว่าวัดภูเก็ตต่างกับวัดศรีมงคลอย่างไร ตามมาที่วัดภูเก็ตได้เลย