ยอดเขาทิตลิส(Tillis)
Highlight
- ยอดเขา Titlis เป็นหนึ่งในสี่ยอดเขาของสวิสฯ ที่ต้องมาให้ได้ ด้านบนเป็นลานหิมะกว้าง มีกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะให้เล่นหลากหลาย จุดชมวิวที่สวยที่สุดจะอยู่ตรงระเบียงชมวิวที่เราออกมาตอนแรกจากสถานีกระเช้าบนยอด Titlis ส่วนชั้นล่างของตัวอาคารสถานีกระเช้า จะมีถ้ำใต้ธารน้ำแข็งให้ได้ชมด้วย ถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปดู
- สำหรับใครที่คิดจะอยู่บนยอดเขานาน ๆแนะนำว่าให้กินข้าวมาจากด้านล่าง หรือซื้อของตุนขึ้นมาเลย เพราะร้านอาหารด้านบนแพงหูดับตับไหม้ ขนาดมาม่ายังถ้วยละ 6.50 CHF (200 บาท)
- ยอดเขา Titlis ไปช่วงฤดูไหนก็ได้สวยเหมือนกันหมด แต่ละฤดูก็มีความงามแตกต่างกันไป อยากเน้นหิมะสลับกับหญ้าเขียว ๆให้มาช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เมษายน-กลางพฤษภาคม) แต่ถ้าชอบแบบทีมเหลือง ๆก็มาฤดูใบไม้ร่วง(กลาง ก.ย.- พ.ย.) ทั้งนี้ความสวยงามจะขึ้นอยู่กับว่าวันท้องฟ้าใสหรือไม่ หากไปถึงเมือง Engelberg แล้วเห็นท้องฟ้ามีเมฆหมอกปกคลุมหนา ๆ แนะนำว่าไม่ต้องขึ้นกระเช้าหรอกครับ เสียเงินเปล่าๆขึ้นไปไม่เห็นอะไร แต่ถ้าวันนั้นท้องแจ่มใสก็จัดไปโลด
- กระเช้าขึ้นยอดเขา Titlis จะมีทั้งหมด 4 สถานี ได้แก่ สถานีด้านล่าง(ขึ้นกระเช้าที่นี่) , Trubsee(ประตูกระเช้าจะเปิดครั้งแรกที่สถานีนี้ แต่ไม่ต้องลงนะครับ) , stand (เราจะลงสถานีนี้เพื่อต่อกระเช้า Rotair ขึ้นไปยังสถานีบนยอด Titlis) ใช้เวลาขึ้นกระเช้ารวม ๆ 45-50 นาที จะช้าจะเร็วกว่านี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนต่อคิวขึ้นกระเช้า ซึ่งกระเช้าลอยฟ้าจะไปถึงแค่บริเวณยอดสันเขานะครับ ถ้าจะไปยอดสูงสุดของ Titlis จะต้องเดินลุยหิมะไปเท่านั้น
- การเดินทางสามารถขึ้นรถไฟฟ้าจากเมือง Luzern มายังสถานี Engelberg ได้เลย ซึ่งเราจะต้องเดินเท้าจากสถานีรถไฟ Engelberg ไปสถานีกระเช้าลอยฟ้าประมาณ 800 เมตร จริง ๆแล้วมีรถบัสรับ-ส่ง แต่ว่าจะออกทุก ๆ 30 นาที แนะนำว่าให้เดินเถอะครับ แปร๊บเดียวถึง
1. ยอดเขา Titlis หนี่งในยอดเขาของ Swiss ที่สายภูเขาห้ามพลาด
ยอดเขาทิตลิส(Titlis) เป็นหนึ่งในสี่ยอดเขาที่มีความสวยงามดุจดั่งนางงามของ Switzerland ไม่ว่าจะเป็นสายท่องเที่ยวแบบไหน สักครั้งในชีวิตจะต้องหาโอกาสไปทีนี่ให้ได้ โดยเฉพาะสายถ่ายภาพแนว Landscape แล้ว ผมการันตีว่าได้รูปภูเขาหิมะสวยๆกลับบ้านแน่นอน ด้านบนยอดเขาจะเป็นลานหิมะที่สามารถชมวิวได้เกือบ 360 องศา แต่คราวนี้ลานหิมะนี้มันกว้างมาก ๆ จุดถ่ายรูปก็เยอะมาก แต่เท่าที่ผมเดินไปมาอย่างมั่ว ๆ ก็ค้นพบว่า “แท้จริงแล้วจุดที่สวยที่สุด จะอยู่ตรงลานระเบียงที่เราออกมาจากสถานีกระเช้าชั้นบนสุดนั่นแหละครับ ไม่ต้องไปเดินลุยหิมะที่ไหนไกลเลย” ผมว่ามุมนี้สวยสุดแล้ว เพราะตรงนี้เราจะเห็นเป็นหุบเขาลึกลงไปเป็นแนวยาว และมีเทือกเขาแอลป์อันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลัง ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่มีหิมะปกคลุมบนยอดเขาด้วยแล้วบอกเลยว่าโคตรสุด อารมณ์เหมือนไปอยู่ขั้วโลก นอกจาก “ยอดเขา Titlis” จะเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวหรือนักถ่ายภาพแล้วยังเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ที่อยู่ใกล้กับเมือง Luzern อีกด้วย แน่นอนว่าในเรื่องของการเดินทางมาที่นี่ถือว่าง่ายมาก ๆ หากเทียบกับยอดเขาอื่น ๆที่มีความสวยงามในระดับใกล้เคียงกัน(ยกเว้นยอดเขา Pilatus แต่ผมว่าบนยอด Titlis วิวสวยกว่ามาก)
ใครเก็บภาพตรงลานระเบียงจนพอใจแล้วก็ค่อยลุยออกไปลานหิมะด้านนอกต่อ บริเวณลานหิมะนี้จะมีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำเยอะมาก อย่าง Ice Flyer ที่มีลักษณะเป็นกระเช้าห้อยขา(เสียตังเพิ่ม 12 CHF = 400 บาท) และตรงนี้ก็เป็นจุดเล่น slider น้ำแข็งกับเล่นสกีหิมะด้วย ส่วนใครที่เป็นสายลุย ๆหน่อยก็ไปวัดใจเดินขึ้นสะพานเหล็กขึงสลิง(Titlis cliff walk) ที่ตั้งอยู่ระหว่างหน้าผาที่มีความสูงจากพื้นล่างถึง 500 เมตร(ช่วงลมแรง ๆมีเสียว) แล้วหากใครยังมีแรงเหลืออยู่ ก็เดินลุยหิมะขึ้นไปพิชิตยอดสูงสุดของ Titlis ต่อได้เลย จริง ๆแล้ว“ยอดเขา Titlis” มีความสูงประมาณ 3,239 เมตร ซึ่งจะต้องเดินลุยหิมะไปเท่านั้น ส่วนตรงสถานีกระเช้าจะมีความสูงเพียง 3,028 เมตร เท่ากับว่าเราจะต้องเดินขึ้นเขาสูงไปขึ้นอีก 200 เมตร และระยะทางห่างจากสถานีประมาณ 1 ก.ม. (ความชันเฉลี่ย 24%) แล้วความยากคือพื้นมันเป็นหิมะ ถ้าใครอุปกรณ์พร้อมก็จัดเลยครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ขึ้นไปนะ พอดีตอนนั้นผมดันใส่รองเท้าแตะขึ้นไป เดินบนหิมะแรก ๆก็ไม่อะไร ไปๆมาๆเท้าเริ่มเปียก สุดท้ายต้องถอยเพราะเย็นตีนมาก ทางที่ดีแนะนำว่าถ้าใครจะไปพิชิตยอดเขา ให้ไปเช่ารองเท้าแบบเกาะน้ำแข็งตรงสถานีกระเช้าได้นะครับ ผมเองถ้ามีโอกาสคราวหน้าจะเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้แล้วจะไปจัดบนยอดซักรอบเหมือนกัน ความรู้สึกตอนนี้มันคาใจมากที่ไปแล้วแต่ไม่ถึงยอด
จริง ๆแล้วลานหิมะบนยอดเขา Titlis เป็นชั้นหิมะที่หนามากปกคลุมบนธารน้ำแข็ง(Glacier)อีกที ในฤดูร้อนหิมะบางส่วนก็ละลายไป แต่อีกส่วนก็ยังคงอยู่ พอเข้าฤดูหนาวอีกรอบหิมะชุดใหม่ก็จะสะสมปกคลุมทับหิมะชุดเก่าไปเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปหลาย ๆปี หิมะชุดเก่าก็ถูกกดทับอัดแน่นจนเกิดเป็นธารน้ำแข็งชั้นด้านล่างสุดนั่นเอง ดังนั้นใครที่เดินชมวิวด้านบนลานหิมะจนพอใจแล้ว ก่อนจะขึ้นกระเช้าลงไปด้านล่าง ถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปดูถ้ำใต้ธารน้ำแข็ง(Glacier Cave)กันก่อน แม้หลายคนจะบอกว่ามันเล็กดูแล้วไม่ค่อยมีอะไร แต่แหม่ก็บ้านเรามันไม่ได้มีธารน้ำแข็งให้ดูนี่ ไหน ๆก็ไปแล้วผมว่าไปดูเถอะครับจะได้คุ้มค่าตั๋วหน่อย ส่วนทางเข้าถ้ำน้ำแข็งจะอยู่ในสถานีกระเช้าบนยอดทิตลิต(Klein Titlis) ซึ่งจะอยู่ชั้นเดียวกับท่าเทียบกระเช้าเลยครับ
2. มาช่วงไหนหิมะกำลังดีไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป
ยอดเขา Titlis โดยทั่วไปแล้วจะมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 3,000 เมตร ทำให้บนนี้มีอากาศหนาวเย็นและมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ส่วนจะเยอะหรือไม่เยอะนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นฤดูกาลไหน แล้วไปช่วงไหนเป็นอย่างไรผมสรุปให้ตามด้านล่างเลย
ยอดเขาทิตลิส เดือนเมษายน – มิถุนายน หรือฤดูใบไม้ผลิ อากาศช่วงนี้จะค่อนข้างหนาว บนยอดเขาทิตลิตหิมะยังปกคลุมอยู่เยอะมาก เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายจากฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน หิมะยังไม่ค่อยละลาย ในส่วนของเมือง Engelberg ก็มีหิมะปกคลุมบ้างประปรายสลับกับหญ้าเขียว ๆ แต่พอเลยกลางเดือน พ.ค. เป็นต้นไป หิมะบนภูเขาจะละลายไปเกินครึ่งแล้วนะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมแนะนำให้มาช่วงเดือนเมษายนจะดีที่สุด และช่วงนี้จะตรงกับช่วงที่เมืองไทยไม่เหมาะกับการเที่ยวที่สุด ถ้าหนีมายุโรปแทบไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศร้อนและหมอกควันเลย
ยอดเขาทิตลิส กรกฎาคม – สิงหาคม หรือฤดูร้อน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่อากาศช่วงนี้ในเมือง Engelberg ก็เย็นพอๆกับบนดอยสูง ๆแถวบ้านเราในช่วงหน้าหนาว หรือเย็นกว่าด้วยซ้ำ ช่วงนี้ต้นไม้ภูเขาใบหญ้าจะเขียวเต็มที่ แต่ข้อเสียคือหิมะขาว ๆจะเหลือน้อยมาก หิมะช่วงนี้จะเหลือเพียงแต่บนยอดทิตลิตเท่านั้น ซึ่งถ้าเน้นเขียว ๆก็ต้องมาช่วงนี้แหละครับ แล้วข้อดีของหน้าร้อนอีกอย่างนึง คือช่วงเวลากลางวันยาวนานมาก พระอาทิตย์ขึ้น 6 โมง ตก 3 ทุ่ม ทำให้มีเวลาเที่ยวค่อนข้างเยอะ ส่วนถ้าใครจะเน้น ๆขาว ๆดูหิมะเต็ม ๆพับแพลนเก็บไว้ก่อนแล้วรออีกนิด
ยอดเขาทิตลิส กลางกันยายน – พฤศจิกายน หรือฤดูใบไม้ร่วง ช่วงนี้อากาศจะเริ่มกับมาหนาวอีกครั้ง ประมาณกลางกันยายน ต้นไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี ถ้าใครเคยมาที่นี่ฤดูใบไม้ผลิแล้วหากจะมาอีกครั้ง ผมแนะนำให้มาช่วงนี้เลยครับ เป็นอีกช่วงหนึ่งที่สวยงามเหมือนตอนฤดูใบไม้ผลิ แต่จะต่างกันตรงที่จะสวยออกเฉดสีส้ม ๆ (ครั้งหน้าผมว่าจะมาฤดูนี้แหละ) หลังจากกลางเดือน ก.ย. เป็นต้นไปหิมะจะเริ่มปกคลุมยอดเขาเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนหิมะจะปกคลุมไล่ลงมาถึงตัวเมือง Engelberg เลย
ยอดเขาทิตลิส ธันวาคม – มีนาคม หรือฤดูหนาว ช่วงนี้อากาศจะหนาวสะท้านโคตร ๆ ถ้าใครสายชอบหิมะก็จัดเลยครับ แต่โดยส่วนตัวผมจะมาเที่ยวช่วงนี้คงจัดลำดับไว้เป็นท้าย ๆ ไม่ใช่เพราะกลัวหนาว แต่ธรรมชาติช่วงนี้ผมว่าไม่ค่อยมีอะไรนอกจากหิมะขาว ๆ แล้วที่สำคัญตอนกลางวันช่วงนี้จะสั้นมาก พระอาทิตย์ขึ้น 8:30 ตก 16:30 เวลาเที่ยวจะน้อยกว่าช่วงอื่น ๆมาก
สำหรับคนที่จะขึ้นไปบนยอดทิตลิต เรื่องของสภาพอากาศจะต้องลุ้นหน่อยนะครับ ถ้าวันไหนไปถึงเมือง Engelberg แล้วเจอเมฆหมอกปกคลุมภูเขาหนา ๆ หรือมีฝนตก ผมไม่แนะนำให้เสียตังขึ้นไปข้างบนเลย เพราะจะไม่เห็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ไม่คุ้มค่า แต่ถ้าวันไหนไปแล้วอากาศแจ่มใสท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแบบนี้ให้จัดเลยครับ คุ้มค่าแน่นอน และแนะนำว่าควรใส่เสื้อแขนยาว หรือมีแว่นกันแดดก็เอามาด้วยได้ใช้แน่ ๆ เนื่องจากยอดทิตลิตสูงกว่า 3,000 เมตร อากาศข้างบนจะเบาบางมาก ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แดดบนนี้จะแรงถึงแรงที่สุด(แรงกว่าบนยอดดอยอินทนนท์สิบเท่า) ยิ่งบวกกับแสงสะท้อนหิมะด้วยแล้วถึงกับแสบผิวกันไปข้างนึงเลย
3. ขึ้นกระเช้าอย่างไรไม่ให้หลง
การขึ้นไปบน ยอดเขาทิตลิส (Titlis) นี่ถือว่าค่อนข้าสบายมาก ไม่ต้องเดินหรือปีนป่ายซักนิดเลย เพียงแค่กำเงิน 92 CHF (3,100 บาท) ไปซื้อตั๋วกระเช้าไฟฟ้า ก็สามารถขึ้นไปได้แล้ว หรือใครมีตั๋ว Swiss pass ก็เอาไปลดค่าตั๋วได้ 50% จะเหลืออยู่ที่ 46 CHF (1,550 บาท) อันนี้คือรวมไปกลับแล้วนะครับ หลายคนอาจมองว่าแพง(ซื้อตั๋วบินไปกลับเชียงใหม่ได้ 2 รอบ) แต่ผมว่าไหน ๆก็มาแล้ว จ่าย ๆไปเถอะครับ ข้างบนวิวสวยยังไงก็คุ้ม แต่คราวนี้กระเช้าขึ้นยอดเขาทิตลิตจะมีความงง ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะลงสถานีแรกที่ประตูเปิด(Trubsee) ซึ่งชั้นนี้จะเป็นร้านอาหารและเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยว ไม่ได้วิวสวย ๆอะไร ยกเว้นช่วงฤดูร้อนตรงนี้จะมีทะเลสาปให้ชม ดังนั้นผมขอบอกรายละเอียดการขึ้นกระเช้าตามนี้เลย เมื่อเราซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าทิตลิตเรียบร้อยแล้วให้เดินไปตามป้าย Titlis xPress เพื่อไปขึ้นกระเช้าได้เลย เมื่อขึ้นกระเช้ามาแล้วสักพัก พอถึงสถานี Trubsee ประตูกระเช้าจะเปิดครั้งแรกที่นี่ ซึ่งตรงนี้เราไม่ต้องลงนะครับ เพราะเราจะต้องขึ้นต่อไปยังสถานี stand (จากสถานีด้านล่างสุดถึงสถานี stand จะใช้เวลาเดินทางราว ๆ 20 นาที)
เมื่อถึงสถานี stand แล้วเราจะต้องลงเพื่อเปลี่ยนจากกระเช้าเล็กแบบ 6 คน ไปเป็นกระเช้าที่ใหญ่กว่า ซึ่งสามารถจุคนได้สูงสุดถึง 20 คน แล้วความพิเศษของกระเช้านี้คือพื้นจะหมุนได้ 360 องศา จริง ๆแล้วกระเช้านี้ก็เป็นหนึ่งใน Highlight ของการขึ้นยอดเขา Titlis ด้วยนะครับ กระเช้าลอยฟ้านี้มีชื่อว่า “ Rotair stand ” ซึ่งจะเชื่อมระหว่างสถานี stand กับสถานีบนยอดเขา Titlis เราจะใช้เวลาอยู่ในกระเช้านี้ประมาณ 10 นาที ผมขอสรุปสั้น ๆ การขึ้นยอดเขา Titlis จะแบ่งออกเป็น 4 สถานี คือ สถานีล่างสุด(ขึ้นกระเช้า) , trubsee(คนชอบลงผิดอันนี้) , stand(เปลี่ยนจากกระเช้า 6 คนเป็นกระเช้าหมุน) , Klein Titlis(สถานีบนยอดทิตลิต) จากสถานีด้านล่างสุดถึงสถานีบนยอดเขาจะใช้เวลาราว ๆ 45-50 นาที (อยู่บนกระเช้าจริง ๆ 30 นาที ต่อคิวขึ้นกระเช้า 15-20 นาที)
4. Engelberg เมืองสวยกลางหุบเขา
เมือง Engelberg เป็นหนึ่งในเมืองสกีรีสอร์ทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของ Switzerland นอกจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบภูเขาสวย ๆงาม ๆ แล้วยังเป็นเมืองต้นทางสำหรับการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังยอดเขาต่าง ๆ อีกด้วย “เมือง Engelberg” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเทือกเขาแอลป์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร ทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนก็เย็นพอ ๆกับฤดูหนาวบนยอดดอยสูง ๆ ของไทย หิมะที่นี่จะปกคลุมได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเมษายน ถ้าอยากจะมาแล้วเห็นหิมะสลับกับหญ้าเขียว ๆก็ต้องมาต้นเดือนเมษาฯนี่แหละครับ นอกจากนี้ในเมือง Engelberg ยังมีร้านอาหาร รีสอร์ต โรงแรม ให้บริการอย่างครบครันเลยทีเดียว
สำหรับใครที่คิดจะอยู่บนยอดนาน ๆ ผมแนะนำให้กินข้าวมาจากด้านล่าง หรือซื้อของตุนขึ้นมากินข้างบนจะดีมาก ๆ ไม่ใช่ว่าข้างบนไม่มีร้านอาหารนะครับ มันมีแต่ราคาแพงแบบหูดับตับไหม้เลย ตกอยู่จานละประมาณ 30 – 35 CHF(1,100 – 1,200 บาท) หรืออย่างมาม่า ซึ่งยี่ห้อเดียวกับบ้านเรานี่แหละ ข้างบนนี้ขายถ้วยละ 6.50 CHF (200 บาท) เห็นราคาแล้วน้ำตาแทบไหล 5555 แต่เอาเข้าจริง ๆแล้วประเทศนี้เลี้ยงด้วยเงินครับ แพงทุกอย่าง แพงทุกที่ แพงแบบหูฉี่เลย จากเท่าที่ผมไปดูดัชนี cost of living ในเว็บ Numbeo สวิสนี่น่าจะสูงสุดในโลกแล้ว แต่ก็อย่างว่าประชากรเขาก็มีชีวิตอยู่ดีกินดี สิทธิการขั้นพื้นฐานเขาดีกว่าเรามาก ๆ รถสาธารณะอะไรแบบนี้ถือว่าสะดวกกว่าประเทศเราจริง ๆ คือไม่ต้องมีรถขับก็สามารถเที่ยวได้แบบสบาย ๆ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เมืองรองในไทยพัฒนาการท่องเที่ยวแบบสวิสฯ เลยครับ ผมรับรองรายได้เข้าประเทศมหาศาลแน่นอน อยากรู้โมเดลในใจผมติดต่อมาที่ Contact us ผมยินดีเสนอไอเดียให้เลย
*** (หมายเหตุ 1 CHF ค่าเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 33.70 บาท +-4 บาท ดังนั้นบทความนี้ผมจะคูณ 33.70 บาท)
5. การเดินทางจาก Luzern มายอดเขา Titlis
ถ้าใครมาเที่ยวเมือง Luzern อยู่แล้ว การเดินทางมายอดเขาทิตลิตหรือเมือง Engelberg ถือว่าง่ายมาก ๆ เพราะสามารถนั่งรถไฟฟ้าจากเมือง Luzern มาที่ Engelberg ได้โดยตรงเลย ใช้เวลาราว ๆ 40-45 นาที เมื่อมาถึงสถานีรถไฟเมือง Engelberg เราจะต้องเดินจากสถานีรถไฟไปสถานีกระเช้าลอยฟ้าประมาณ 800 เมตร (เดินเท้าประมาณ 5-10 นาที) จริง ๆแล้วก็มีรถบัสรับ-ส่งนะครับ แต่ว่ามันจะมีทุก ๆ 30 นาที ดังนั้นถ้าไปแล้วเจอรสบัสพึ่งออกไป แนะนำให้เดินเถอะครับ จะได้ชมวิวสวยงามๆรอบเมือง Engelberg ด้วย