เขื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน

Highlight
  • เขื่อนเชี่ยวหลาน แตกต่างจากเขื่อนอื่น ๆ คือมี Landscape ภูเขาหินปูนล้อมรอบมากกว่าเขื่อนอื่น ๆในไทย นับเป็นหนึ่งในสถานที่สายภูเขาไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ชื่นชอบวิวภูเขาหินปูนเน้น ๆ แนะนำให้พักแพพันวารีย์(ราคาถูกไม่มีแอร์) หรือพันวารีย์กรีนเนอรี่(ราคาแพง มีแอร์) เพราะที่พักทั้ง 2 ตั้งอยู่ใจกลางโซนของภูเขาหินปูนพอดี
  • ช่วงกลางเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการมาเขื่อนเชี่ยวหลานมากที่สุด เนื่องจากมีฝนตกไม่นานเกินไป และมักตกในช่วงเย็นถึงกลางคืน ดังนั้นโอกาสเจอหมอกละภูเขาช่วงนี้มากที่สุด
  • ถ้าคืนวันไหนบริเวณสันเขื่อนมีฝนตก เช้าวันต่อมาจะมีโอกาสเกิดหมอกได้ในช่วงเช้า โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม แต่ว่าจะเป็นหมอกชื้น ๆ ไม่ได้เย็นเหมือนหมอกทางภาคเหนือ

 

1. เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่สุดของวิวเทือกเขาหินปูนไทย

ถ้าหากใครมาภาคใต้แล้วอยากหาสถานที่พักผ่อนสบาย ๆ พร้อมกับวิวภูเขาหินปูนสุดอลังการ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ด้วยเขื่อนเชี่ยวหลานมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำแล้วมียอดเขาหินปูนน้อยใหญ่เรียงรายล้อมรอบ และมีบางยอดเขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา แน่นอนว่า Landscape ที่นี่จึงดูแปลกตาไม่เหมือนกับเขื่อนอื่นที่ไหนในไทย และหลายคนยกให้ “เขื่อนเชียวหลาน” เป็นเขื่อนที่มีทัศนียภาพสวยงามมากที่สุดของไทยอีกด้วย สำหรับผมแล้วที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สักครั้งในชีวิตต้องมาให้ได้ ยิ่งใครสายเที่ยวภูเขาด้วยแล้วก็ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ซึ่งส่วนที่สวยที่สุดของเขื่อนจะอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำ ไม่ใช่บริเวณสันเขื่อนนะครับ  ดังนั้นถ้าจะเอาให้สุดควรนอนพักแรมในแพกลางเขื่อนอย่างน้อยหนึ่งคืนครับ ผมการันตีเลยว่ายังไงก็ได้รูปบรรยากาศสวย ๆ กลับบ้าน โดยเฉพาะช่วงแสงเช้า/เย็น ขอบอกเลยว่า”ที่นี่เด็ดโคตรๆ” และล่าสุดอุทยานแห่งชาติเขาสกได้รับเป็นอุทยานฯน่าเที่ยวที่สุดของโลกในปี 2019 ด้วยนะครับ

เขื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน

“เขื่อนเชียวหลาน” เป็นเขื่อนที่กั้นลำน้ำคลองแสง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ในอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาสกทั้งหมด(เข้าไปข้างในเสียตังค่าเข้านะครับ) ส่วนบริเวณสันเขื่อนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้รับผิดชอบ(ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าฟรี) ส่วนคำว่า “เชี่ยวหลาน” เป็นชื่อหมู่บ้านเดิมที่จมอยู่ใต้เขื่อนก่อนที่เขื่อนจะถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2530 จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ว่า ” เขื่อนรัชประภา “ แปลว่า “แสงสว่างแห่งอณาจักร “ เดิมภูมิประเทศแถบนี้เป็นทุ่งภูเขาหินปูนอยู่แล้ว แต่พอกั้นเขื่อนขึ้นมาน้ำจากลำคลองแสงก็เอ่อท่วมภูเขาหินปูนและมีบางยอดเขาบางส่วนโผล่พ้นน้ำขึ้นมา อย่างเช่นเขาสามเกลอ ทำให้มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกับเมืองกุ้ยหลินในประเทศจีน จนได้รับอีกฉายาว่าเป็น“ กุ้ยหลินเมืองไทย “ นั่นเอง ดังนั้นเขื่อนเชี่ยวหลานจึงมีหลายชื่อมาก ไม่ว่าจะเป็น เขื่อนรัชประภา เขื่อนกุ้ยหลิน ซึ่งจะเรียกชื่อไหนก็ได้ไม่มีผิดทั้งนั้น เอาตามสะดวกเลย

เขื่อนเชี่ยวหลาน นั่งเรือตอนเช้า

เขื่อนเชี่ยวหลาน นั่งเรือตอนเช้า

เขาสามเกลอ
ยอดเขาสามเกลอ ไฮไลท์นั่งเรือชมเขื่อนเชี่ยวหลาน

2. เขื่อนเชี่ยวหลาน ไปช่วงไหนสวยอลังการสุด

เขื่อนเชี่ยวหลานถ้ามาผิดฤดูก็คงไม่ต่างจากวิวภูเขาหินปูนทั่วไป ซึ่งความอลังการของเขื่อนเชี่ยวหลาน คือการมาดูเมฆหมอกหยอกล้อภูเขา ดังนั้นการวางแผนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก(แล้วภาคใต้อากาศเดาใจยากมาก) ถึงแม้ภาคใต้จะมีความชื้นจากฝนเกือบตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาช่วงมรสุมเข้าหรือฤดูแล้งก็คงไม่ถูกจริตเท่าไหร่ โดยเฉพาะสายถ่ายภาพแนว Landscape ที่ต้องเล่นแสงกับธรรมชาติ ส่วนแต่ละฤดูกาลมีความแตกต่างกันอย่างไร ผมแบ่งตามด้านล่างนี้เลย

เขื่อนรัชประภา หน้าปลาย ๆฝน กลางเดือนกันยายน-ตุลาคม  ช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูมรสุมฝนไปอีกฝน ทำให้ช่วงนี้ฝนจะตกได้แต่ไม่นาน มักจะเป็นฝนฟ้าคะนอง(ตกไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง) และส่วนใหญ่ฝนจะตกช่วงเย็นถึงกลางคืน ซึ่งความชื้นจะสะสมทำให้ตอนเช้าเกิดเมฆหมอกหยอกล้อภูเขาได้เยอะนั่นเอง ท้องฟ้าทัศนวิสัยช่วงนี้ดีมากที่สุด ผมเชียร์ให้มาช่วงนี้นะครับ

เขื่อนรัชประภา หน้าฝน stage 2 เดือนพฤศจิกายน-มกราคม เป็นช่วงฤดูฝนที่เกิดจากลมหนาวจากจีนที่หอบความชื้นจากอ่าวไทยขึ้นมา ทำให้มีฝนตกชุกอีกรอบ และช่วงนี้มีโอกาสเกิดพายุหมุนเขตร้อนเข้าภาคใต้แบบตรง ๆ อีกด้วย บางครั้งฝนอาจตกติดต่อกันได้ 5-7 วัน แต่ถ้ามาแล้วท้องฟ้าเปิดก็สวยเหมือนกับช่วงเดือนตุลาคม ดังนั้นถ้าจะมาช่วงนี้ควรเช็คดูว่ามีพายุหมุนเข้าหรือไม่ และเช็คว่าลมหนาวมาแรงหรือไม่ ถ้าลมหนาวเริ่มอ่อนกำลังลงและไม่มีพายุหมุนเข้าใกล้ ก็จัดโลด สวยแน่นอน

เขื่อนรัชประภา หน้าแล้ง กุมภาพันธ์-เมษายน  เป็นช่วงฤดูแล้งของภาคใต้ ช่วงนี้ฝนจะไม่ค่อยมี ดังนั้นก็เรื่องหมอกละภูเขาอาจจะมีน้อยหรืออาจมีเพียงแค่ตอนเช้า แต่ถ้าเจอฝนช่วงนี้นับว่าโชคดี เพราะจะมีหมอกตอนเช้าหรือหมอกหลังฝนตก ส่วนช่วงนี้เรื่องทัศนวิสัยอาจจะลดลงบ้าง และป่าไม้บางส่วนก็แห้ง ๆนิดนึง จริง ๆแล้วนี้ยังสวยอยู่นะเพียงแต่อาจจะไม่สวยเท่าช่วงตุลาคมเท่านั้นเอง

เขื่อนรัชประภา หน้าฝน stage 1 พฤษภาคม-กลางเดือนกันยายน เป็นช่วงที่ฤดูมรสุมพัดมาจากอินเดีย ภาคใต้จะเข้าสู่ฤดูฝนอีกครั้ง ช่วงที่ลมมรสุมเข้าฝนจะตกหนักติดต่อกันเป็นสัปดาห์ ใครจะมาช่วงนี้ต้องติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดว่ามีมรสุมมาแรงหรือไม่ ถ้าลมมรสุมอ่อนก็จัดได้เลย

หมอกบนภูเขาในตอนเช้า ถ่ายจากที่พักแพพันวารีย์ฯรีสอร์ท

สำหรับผมแล้วช่วงที่ธรรมชาติเขื่อนเชี่ยวหลานสวยอลังการมากที่สุด ก็คือช่วงกลางกันยายน-ตุลาคม เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้(พัดจากมหาสมุทรอินเดีย)ไปเป็นมรสุมตะอออกเฉียงเหนือ(พัดมาจากจีน) ทำให้ช่วงนี้จะเป็นฝนแนวปะทะ(ลม 2 ฝั่งชนกัน) ฝนที่เกิดขึ้นมักเกิดช่วงตอนเย็นถึงค่ำ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศเข้าไปอีก ทำให้ตอนเช้ามีหมอกละภูเขาเยอะมาก ๆ แล้วยิ่งมีแสงอาทิตย์สีทองลอดผ่านใต้เมฆหมอกจะเป็นอะไรที่สุดมาก ๆ สวยจนไม่สามารถอธิบายได้จริง ๆ หรือแม้กระทั่งตอนเย็นก่อนเมฆหมอกจะก่อตัวเป็นเมฆฝนแล้วพระอาทิตย์ลอดมาอยู่ใต้ฐานเมฆพอดี บอกเลยว่าอลังการโคตร ๆ แต่อย่างไรก็ต้องติดตามพยากรณ์อากาศให้ดีด้วยนะครับ เพราะบางทีมรสุมก็อาจมีการคาดเคลื่อนเหมือนกัน ยิ่งถ้ามีพายุหมุนเขตร้อนเข้ามาให้หลีกเลี่ยงทันที(บางปีมีนะ) ไม่ว่าจะเป็น ดีเปรสชั่น โซนร้อน หลีกเลี่ยงให้หมด

ช่วงเย็นก่อนที่ฝนจะตกในเวลาต่อมา

ช่วงที่ฝนกำลังตกตอนเย็น

3. เก็บแสงเช้าหรือแสงเย็น ตอนไหนก็สวย

ถ้ามาเขื่อนเชี่ยวหลานในช่วงกลางวันก็อาจจะดูเป็นภูเขาหินปูนธรรมดา ไม่ได้มีเมฆหมอกละภูเขา(อาจจะมีแต่น้อย) ถามว่ามันสวยมั้ย มันก็สวยครับ แต่ผมว่ามันไม่สุด ความสุดมันอยู่ที่ตอนแสงเช้ากับแสงเย็นสีทองย้อมกับหมอกบนภูเขาหินปูนครับ ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็นก็สวยพอ ๆ กัน เพียงแต่ว่าในช่วงเช้าจะมีหมอกละบนภูเขามากกว่าเท่านั้นเอง (แต่บางทีตอนเช้าหมอกก็เยอะเกิน 55555)

ในช่วงเช้า เขื่อนเชี่ยวหลานมีโอกาสเกิดหมอกละบนแนวยอดเขาแทบจะทุกวัน ไม่จำเป็นต้องมีฝนตกก็ได้ เพราะน้ำในเขื่อนเป็นตัวช่วยทำให้บริเวณนั้นชื้นกว่าปกติ เพียงแค่อากาศตอนเช้าเย็นลงไม่กี่องศา ก็ทำให้เกิดหมอกได้ไม่ยาก สังเกตได้เลยว่าที่นี่ความชื้นสัมพัทธ์ค่อนข้างสูงมาก วัดได้จากอาการเหนียวร่างกายนั่นเอง คืออยู่เฉย ๆ ก็สามารถเหงื่อออกได้

เขื่อนเชี่ยวหลาน หมอก
หมอกบนภูเขา ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายจากที่พักแพพันวารีย์ฯรีสอร์ท

ในช่วงเย็น ประมาณก่อนพระอาทิตย์ตกดิน 1 ช.ม. ถ้าโชคดีเมฆหมอกอาจจะเริ่มก่อตัวบนภูเขาได้ เมื่อแสงอาทิตย์ทำมุมต่ำพร้อมแสงสีทองสะท้อนไปที่เมฆและเขาหินปูน บอกเลยว่าโคตรสุดเอาไปเลยสิบกะโหลก

4. เขื่อนเชี่ยวหลาน ไปพักที่ไหนดี ที่สายภูเขาไม่ควรพลาด

ผมเองไปเขื่อนเชี่ยวหลานมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกไปตอนกลางวันไม่ได้นอนพัก(เสียดายมาก) แต่ครั้งที่สองผมตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่ามาทั้งทีขอวิวเขาปูนแบบเน้น ๆ และขอความสะดวกสบายนิดนึง จึงเลือกพักที่ แพพันวารีย์ เดอะกรีนเนอรี่( Panvaree the greenery) เพราะตั้งอยู่บริเวณโซนเทือกเขาหินปูน และแน่นอนมันมีแอร์ครับ สำหรับผมแล้วภาคใต้ถ้าไม่มีแอร์เนี่ยเป็นอุปสรรคต่อการนอนมาก ๆ เนื่องจากภาคใต้จะร้อนชื้นมาก เหนียวตัวตลอดเวลา คืออยู่เฉย ๆเหงือก็ออกได้ ดังนั้นผมจึงเลือกที่พักแบบมีแอร์ไปเลย ใครขี้ร้อนแบบผม แนะนำให้เลือกที่พักแบบมีแอร์นะครับ แล้วชีวิตจะสบายมากขึ้นนเยอะมาก ฮ่า ๆ ส่วนข้อเสียนี่ที่คือราคาสูงมาก ถ้าเทียบกับแพอื่น ๆ แต่ผมว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ ทั้งเรื่องของวิว สถานที่พัก อาหารก็อร่อย ส่วนเรื่องแอร์จะเปิดได้เฉพาะ 17:00 – 09:30 เท่านั้นนะครับ ที่เหลือตอนกลางวันจะเปิดพัดลมได้อย่างเดียว เนื่องจากว่าที่นี่ใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟของรีสอร์บนแพเองครับ สุดท้ายผมไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆจากที่พักนะครับ ฮ่า ๆ

เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่พักแพพันวารีย์

เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่พักแพพันวารีย์

ตอนผมไปราคาอยู่ที่คนละ 4,950 บาท/คน/คืน รวมค่าเข้าอุทยานฯเขาสกและค่าอาหาร 3 มื้อ  กลางวัน-เย็น-เช้า บอกเลยว่าอร่อยทุกมื้อครับ อาหารคุณภาพมาก ๆ ในบริเวณที่พักยังมีเรือให้พายและพื้นที่ให้เล่นน้ำอีกด้วย นับว่าเป็นการเที่ยวในประเทศของผมที่หรูสุดแล้ว เพราะปกติผมขึ้นเหนือจะไปนอนรีสอร์ทคืนละพันกว่าบาทไม่เกิน หรือถ้าอยากลุยๆใกล้ชิดธรรมชาติหน่อยก็นอนเต็นท์ครับ แต่นั่นมันภาคเหนือบนดอยอากาศมันเย็น ต่างจากภาคใต้ที่อากาศค่อนข้างร้อนชื้น สำหรับรีวิวที่พักเดอะกรีนเนอรี่เพิ่มเติมคลิกที่ แพพันวารีย์ เดอะกรีนเนอรี่( Panvaree the greenery)

5. บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลานก็สวยไม่แพ้ในเขื่อน

หลายคนเดินทางมายังเขื่อนเชี่ยวหลาน ก็มักมุ่งเป้าไปในเขื่อนจนมองข้ามว่าจริง ๆ แล้วบนสันเขื่อนก็สวยไม่แพ้กัน ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ปรับปรุงทัศนียภาพบริเวณรอบสันเขื่อนให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม และยังเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจให้กับชุมชนบ้านตาขุนอีกด้วย แล้วเชื่อไหมว่า ในช่วงเช้าบริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลานก็มีโอกาสเกิดหมอกได้ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนกันยายน-ตุลาคม ด้วยความที่ภาคใต้บ้านเรามีชายทะเลขนาบสองฝั่ง ทำให้อากาศมีความชื้นสูงมาก ไม่จำเป็นต้องใช้อากาศเย็นมากเพียงแค่ 25-27 องศาเซลเซียส ไอน้ำในอากาศก็กลั่นตัวกลายเป็นหมอกได้แล้ว ดั้งนั้นหมอกที่เกิดขึ้นไม่ได้เย็นหรือหนาวอะไรนะครับ แต่จะเป็นหมอกเหนียวๆชื้น ๆมากกว่า

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

“เขื่อนเชี่ยวหลาน” ตั้งอยู่ ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี มีลักษณะเขื่อนประเภทหินทิ้งแกนกลางเป็นดินเหนียวสูง 94 เมตร ความลึกเฉลี่ย 50-60 เมตร มีสันเขื่อนปิดกั้นช่องเขา 6 แห่ง ระยะความยาวสันเขื่อนรวม 761 เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำบรรจุน้ำได้ทั้งหมด 5,639 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมต นอกจากนี้เขื่อนเชี่ยวหลานยังเป็นเขื่อนที่มีการผลิตไฟฟ้า โดยมีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจำนวน 3 เครื่อง ผลิตได้เครื่องละ 80 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 240 เมกะวัตต์ แต่ก็ 1 เขื่อนเชี่ยวหลานก็ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อ กทม. หนึ่งเมืองหรอก ฮ่า ๆ

บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน
หมอกบริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน ช่วงสาย ๆหมอกจะเริ่มสลายตัว

หมอกบริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน
หมอกฟุ้ง ๆ บริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน

สันเขื่อนเชี่ยวหลาน
หมอกหนาจัดบริเวณสันเขื่อนเชี่ยวหลาน