ขุนน่าน
Highlight
- อุทยานแห่งชาติขุนน่าน เหมาะกับคนชอบเที่ยวแบบสงบ ๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน ด้านบนมีลานกางเต็นท์และบ้านพักอุทยานฯ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆกับที่ทำการอุทยานฯเลย แต่บนนี้มีไม่มีของกินขายนะครับ แนะนำให้ซื้อจากตัวอำเภอบ่อเกลือขึ้นมาเลย
- จุดชมวิวด้านทิศตะวันออกจะเห็นหุบเขาหมู่บ้านสะปันมุมสูง เหมาะกับการเก็บแสงเช้า ในวันที่ลมไม่แรงสามารถมีทะเลหมอกได้ ส่วนแสงเย็นจะเก็บที่จุดชมวิวด้านฝั่งทิศตะวันตก มุมนี้จะเห็นพระอาทิตย์ลับดอยภูคา สำหรับดอกพญาเสือโคร่งที่นี่จะบานช่วงเดือนปลายเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ความสวยงามไม่แพ้ขุนสถานเลย
1. ขุนน่าน อุทยานแห่งชาติน่านที่ถูกลืม
อุทยานแห่งชาติขุนน่านหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก เนื่องจากการเดินทางที่ค่อนข้างไกลและยังไม่ค่อยมีการโปรโมตการท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าเรื่องของความสงบและความสมบูรณ์ของธรรมชาติเอาไปเลยเต็มสิบ ถึงแม้ว่าทัศนียภาพอาจจะยังสู้สถานที่เด็ดๆของเมืองน่านอย่างดอยเสมอดาวหรือดอยภูคาไม่ได้ แต่ผมว่าที่ขุนน่านก็มี Landscape ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหาประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในมุมมองไม่ซ้ำใคร ส่วน High light ของขุนน่านจะอยู่ในช่วงปลายมกราคมถึงกลางกุมภาพันธ์ ซึ่งจะตรงกับช่วงที่ดอกพญาเสือโคร่งออกบานเยอะที่สุด แต่ผมก็ยังไม่เคยมาช่วงดอกพญาเสือโคร่งบานนะครับ แต่เขาว่าสวยพอๆกับขุนสถานเลย
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน มีลักษณะภูมิประเทศแบบเทือกภูเขาสูงมีความสูงตั้งแต่ 600-2,068 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหลวงพระบางฝั่งตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ตั้งอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติดอยภูคาและผาแดง มีพื้นที่ 248.6 ตารางกิโลเมตร(ใหญ่กว่า จ.สมุทรสงคราม นิดนึง) พื้นที่ร้อยละ 90 ปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขา ส่วนที่เหลือเป็นป่าดิบชื้นและทุ่งหญ้า นอกจากนี้ขุนน่านยังเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดลำห้วยต่าง ๆที่ไหลลงไปรวมกับลำน้ำว้า ซึ่งสุดท้ายแล้วลำน้าว้าจะไปไหลรวมกับแม่น้ำน่านที่อำเภอเวียงสา ในช่วงฤดูฝน “ลำน้ำว้า” ก็เป็นหนึ่งในลำน้ำยอดนิยมของนักล่องแก่ง และเป็นการล่องแก่งที่มีระยะทางยาวมากที่สุดในประเทศไทยด้วย ใครที่สนใจก็ลองติดต่อไปที่อุทยานแห่งชาติแม่จริมเลยครับ บอกก่อนเลยว่าคนที่จะมาล่องแก่งที่นี่ต้องอึดหน่อยนะครับ เพราะที่นี่จะล่องแก่งกันจริง ๆก็ 3 วัน 2 คืน เลยทีเดียว ซึ่งผมขอบายฮ่า ๆ
2. ขุนน่านไปช่วงไหนอากาศดีที่สุด
“อุทยานแห่งชาติขุนน่าน” ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูง ดังนั้นสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงตามระดับความสูง ยิ่งสูงอากาศยิ่งหนาว โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสันเขาแบ่งเขตพรหมแดนไทย-ลาวที่มีความสูงตั้งแต่ 1,500-2,068 เมตร ช่วงหน้าหนาวลมจะแรงมาก ๆ ส่วนตารางอุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละเดือนด้านล่าง ผมจะอ้างอิงจากบริเวณที่ทำการอุทยานหรือบริเวณบ้านพัก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 950 เมตร เพราะเป็นบริเวณที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงและกางเต็นท์นอนกันมากที่สุด
ขุนน่าน หน้าหนาว ในตอนกลางคืนถึงช่วงเช้ามีอากาศเย็นถึงหนาวจัด กลางวันอากาศกำลังดี ลมจะแรงในช่วงที่ลมหนาวจากประเทศจีนแผ่มาช่วงแรก ดังนั้นหากตั้งใจมาดูทะเลหมอกควรเลือกมาช่วงที่ลมอ่อนกำลังลงหรืออากาศเริ่มอุ่นขึ้น สำหรับฝนช่วงพอมีบ้างประมาณ 3-5 วัน/ช่วง ส่วนใหญ่เป็นฝนตกปรอย ๆไม่หนักมาก
ขุนน่าน หน้าร้อน ในตอนกลางคืนถึงช่วงเช้ามีอากาศเย็น กลางวันอากาศร้อน แต่ไม่ถึงกับร้อนมาก ในช่วงฤดูร้อนจะมีวันที่ร้อนจัดประมาณ 5-10วัน/ปี เท่านั้น แล้วในช่วงที่ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาจากจีนช่วงวันแรก ๆอาจจะมีฝนฟ้าคะนองได้ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำให้มาช่วงนี้เท่าไหร่นะครับ ไม่รับประกันเรื่องหมอกควันจริง ๆ
ขุนน่าน หน้าฝน ในตอนกลางคืนถึงช่วงเช้ามีอากาศเย็น อุณหภูมิค่อนข้างคงที่เปลี่ยนแปลงน้อยเมื่อเทียบกับช่วงฤดูอื่น ๆ มีฝนตกชุกและอาจเกิดดินถล่มได้ ฝนจะเยอะที่สุดช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จุดเด่นของช่วงนี้คือหมอกละตามภูเขาสวยงาม จะคนละฟีลกับหน้าหนาวเลย
3. อุทยานแห่งชาติขุนน่านมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
จุดชมวิวด้านตะวันออก
“จุดชมวิวด้านตะวันออก” อยู่ห่างจากบริเวณที่ทำการอุทยานหรือบ้านพัก ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นทางดินลูกรังไม่มีชันและโค้งหักศอก ในช่วงฤดูหนาวสามารถเอารถเข้าไปได้ แต่ในช่วงฤดูฝนทางจะเป็นเลนโคลน(ถ้าไม่ใช่รถ 4×4 ไม่แนะนำให้เข้าไปนะเด็ดขาด) ซึ่งจุดชมวิวนี้หันไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือเหมาะกับการมาล่าแสงเช้ามาก ๆ ถ้าหากวันไหนลมสงบบริเวณนี้จะมีทะเลหมอกที่ปกคลุมหมู่บ้านสะปันด้วย แต่ยังไงก็ตามในตอนเช้าช่วงฤดูหนาวจะเห็นได้แค่แสงเช้าไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นนะครับ เนื่องจากพระอาทิตย์เฉียงไปทางใต้ซึ่งจะโดนภูเขาบังแสงพอดี ภาพที่ได้จะเป็นลำแสงสีทองเฉยๆ แบบผมนี่แหละ(ตอนผมไปนี่แป็กทั้งทะเลหมอกและพระอาทิตย์เลย ฮ่า ๆ) จุดเด่นของจุดชมวิวนี้คืออยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร และสูงกว่าหมู่บ้านสะปัน 300 เมตร ทำให้มองเห็นวิวหมู่บ้านสะปันมุมสูงได้ดีมาก ๆ แล้วแถมยังมีเทือกเขาหลวงพระบางเป็นฉากหลังที่โดดเด่นกั้นพรหมแดนระหว่างไทย-ลาวอีกด้วย
จุดชมวิวด้านตะวันตก
“จุดชมวิวด้านตะวันตก” ความโดดเด่นของจุดชมวิวฝั่งนี้คือสามารถเห็นพระอาทิตย์ลับขอบเทือกเขาดอยภูคาได้ เหมาะกับการเก็บแสงเย็นมาก ๆ ซึ่งแสงเย็นที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบฟุ้งๆกระเจิงผ่านช่องภูเขา เป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่สาย Landscape ไม่ควรพลาด แต่ต้องบอกก่อนว่าจุดชมวิวนี้ไม่มีทะเลหมอกนะครับ ไม่ต้องมาล่าทะเลหมอกตอนเช้าที่นี่นะครับ ไม่มีแน่นอน ตอนเช้าให้ไปจุดชมวิวฝั่งตะวันออกเลยครับ สำหรับการเดินทางมาจุดชมวิวนี้มาง่ายมากเพราะตั้งอยู่บนถนนเดียวกับทางเข้ามาอุทยานฯ แต่จะถึงก่อนที่ทำการอุทยานฯประมาณ 200 เมตร หรือเมื่อเลี้ยวจากปากทางเข้าอุทยานฯประมาณ 300 เมตร จุดชมวิวจะอยู่ทางด้านขวามือเลย
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนน่าน
บริเวณลานกางเต็นท์และบริเวณบ้านพักที่ทำการอุทยานในช่วงปลายเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ตรงจุดนี้สามารถมาชมดอกพญาเสือโคร่งได้ความสวยงามไม่แพ้อุทยานแห่งชาติขุนสถานแต่ความสงบนี่ต่างกันมาก หากมาไม่ได้มาช่วงที่ดอกพญาเสือโคร่ง ประมาณช่วงปลายฝนต้นหนาวก็สามารถมาดูต้นก่วมภูคา(ไม้ตระกูลเดียวกับเมเปิล) ได้เหมือนกัน
น้ำตกสะปัน
“น้ำตกสะปัน” เป็นน้ำตกขนาดกลางมีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำตกจะมี 3 ชั้น แม้ว่าตัวน้ำตกจะตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน แต่ทางเข้าอยู่ที่หมู่บ้านสะปันนะครับ รถยนต์สามารถเข้าถึงได้มีลานจอดรถและห้องน้ำให้บริการ ซึ่งจากจุดจอดรถจะต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 400 เมตร ในช่วงแรกจะเป็นทางบันไดปูนจนถึงน้ำตกชั้นที่ 2 (ขึ้นลงมีความชันบางจุด) สำหรับใครที่อยากเดินขึ้นไปน้ำตกชั้นสุดท้ายอาจจะต้องเป็นสายลุย ๆหน่อย เพราะจะเป็นทางดินบางช่วงต้องไต่หินขึ้นไป ซึ่งผมเองก็ไปไม่ถึงเอาไว้มีโอกาสไปถึงจะถ่ายรูปมาลงนะครับ ชั้นที่สามนั้นน้ำตกจะมี 2 สาย ความสูง 6 เมตร สวยกว่าชั้น 1 และ 2 มาก พอดีรุ่นพี่ที่เคยขึ้นไปถ่ายรูปมาให้ดู ตอนดูรู้สึกเสียดายมากที่วันนั้นไม่ได้ขึ้นไปด้วยความเหนื่อยล้า ฮ่า ๆ
4. ไปขุนน่านก็ต้องพักที่อุทยานขุนน่านสิ
“อุทยานแห่งชาติขุนน่าน” มีบ้านพักอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานสามารถจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซด์ของกรมอุทยานแห่งชาติได้เลย หากไม่ใช่ช่วงเทศกาลหรือเป็นวันธรรมดาไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ walk in เข้ามาได้เลย เพราะส่วนใหญ่จะว่างตลอด เนื่องจากที่อุทยานฯ นี้คนไม่ค่อยรู้จักกันนั่นเอง แถมนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไปพักในตัวเมืองบ่อเกลือหรือไม่ก็หมู่บ้านสะปัน นอกจากนี้บริเวณที่ทำการอุทยานฯสามารถกางเต็นท์ได้ ซึ่งมีพื้นกว้างมาก ๆ และมีห้องน้ำบริการ แต่ไม่มีน้ำอุ่นให้นะครับ มาช่วงหน้าหนาวก็จะลำบากหน่อย (ในบ้านพักมีน้ำอุ่น) ดังนั้นใครต้องการหาสถานที่พักผ่อนสงบ ๆ ก็มานอนที่อุทยานแห่งชาติขุนน่านได้เลยครับ ความสงบรอคุณอยู่ สำหรับการเดินทางมาที่ขุนน่านก็ไม่ยากเมื่อมาถึงบ่อเกลือแล้ว อุทยานฯขุนน่านจะอยู่ห่างจากอำเภอบ่อเกลือไปทางเหนือประมาณ 1.5 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1081 หากมาจากบ่อเกลือทางเข้าจะอยู่ด้านขวามือจะมีถนนปูนชันและแคบ(รถทุกชนิดขึ้นได้หมด) ขึ้นไปอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯและบ้านพัก ข้างบนนี้ไม่มีของขาย แนะนำให้ซื้อของกินมาจากที่ตัวอำเภอบ่อเกลือหรือบ้านสะปันได้เลย