วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
Highlight
- วัดที่อยู่ตรงกลางของเมืองเชียงใหม่ เจดีย์พังทลายลงมาเพราะเกิดจากแผ่นไหว ความสวยงามอลังการจริง ๆจะอยู่ในช่วงกลางคืน เนื่องจากเจดีย์จะเปิดไฟสีส้มสวยงาม และใกล้ๆจะมีวัดพันเตาก็มีไฟสวย ๆให้ได้ถ่ายเหมือนกัน
1.วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อดีตศูนย์กลางอณาจักรล้านนา
สำหรับใครที่มาเชียงใหม่แล้วตั้งคำถามว่า สถานที่อะไรอยู่ตรงกลางของเมืองเชียงใหม่ ตอบเลยว่า “วัดเจดีย์หลวงวรวิหารนั่นเอง” อันที่จริงแล้ววัดนี้มีหลายชื่อมาก ไม่ว่าจะเป็น วัดโชติการาม วัดราชกุฏาคาร ก็แล้วแต่สะดวกเรียกเลย แต่ผมจะเรียกวัดเจดีย์หลวงนะง่ายดี ฮ่า ๆ แต่เดิมวัดนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองอณาจักรล้านนา ซึ่งสร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 ของอณาจักรล้านนา เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 1928-1945 หรือประมาณ 600 กว่าปีที่แล้ว และได้รับการบูรณะมาตลอดทุกยุคสมัย
นักท่องเที่ยวหลายคนมักจะเดินทางมาวัดเจดีย์หลวงกันในช่วงกลางวัน แต่จริง ๆแล้วความสวยงามอลังการของวัดนี้อยู่ในต้อนโพล้เพล้ถึงกลางคืนนะครับ เพราะว่าองค์พระเจดีย์จะเปิดไฟสีส้มอมเหลืองในตอนกลางคืนนั่นเอง สำหรับผมแล้วถ้าเป็นไปได้ให้แนะนำให้มาวัดนี้ช่วงหัวค่ำ และใกล้ ๆกับวัดใหญ่เจดีย์หลวงจะมีวัดพันเตา ก็เป็นหนึ่งวัดที่ตอนกลางคืนเปิดสวยงามมาก ใครสายถ่ายรูปไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ขอบอกเลยว่าวัดนี้กลางคืนสวยกว่ากลางวันสิบเท่า
2.มารู้จักกับเจดีย์หลวง ว่าทำไมเจดีย์ถึงพังลงมาครึ่งหนึ่ง
พระธาตุเจดีย์หลวงถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความสูง 60 เมตร และมีฐานสีเหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ 60 เมตร ถูกสร้างมาพร้อมกับวัดเจดีย์หลวง ซึ่งใช้เวลาสร้างยาวนานประมาณ 5 ปี เนื่องจากพญาแสนเมืองมาได้สวรรคตไปก่อน พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชผู้เป็นมเหสีได้สืบสานต่อจนสร้างเสร็จต่อมาในสมัยมหาเทวีจิรปะภาได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง(พ.ศ.2088 หรือราว ๆ 470 ปีมาแล้ว ) ทำให้องค์พระบรมธาตุเจดีย์ได้พังทลายลงมาครึ่งหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ 447 ปี จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2535 ได้มีการบูรณะโดยกรมศิลปากรอีกรอบจนกลายเป็นมหาเจดีย์ในปัจจุบัน ส่วนช้างรอบองค์พระเจดีย์มีทั้งหมด 28 เชือก แต่เดิมมีเพียง 8 เชือกเท่านั้น โดยสร้างตามการนับทิศทาง 8 ทิศ ซึ่งการปั้นรูปช้างเป็นคติความเชื่อว่า จะเป็นการส่งเสริมพลังเมืองให้มีความแข็งแกร่งและร่มเย็นเป็นสุขมากขึ้นนั่นเอง