อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

Highlight

  • อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสธรรมชาติสัตว์ป่า กางเต็นท์รับอากาศเย็น ๆ แล้วใช้เวลาเดินทางไม่ไกลจากเมืองหลวง ประมาณ 2-3 ช.ม. ข้อดีของเขาใหญ่ คือมีที่เที่ยวหลายจุด เช่น น้ำตกเหวสุวัต ผาเดียวดาย สำหรับที่พักทางอุทยานฯมีให้ทั้งลานกางเต็นท์และบ้านพักเป็นหลัง
  • ถ้าไปเขาใหญ่ในหน้าฝนจะได้บรรยากาศป่าไม้เขาเขียว ๆ น้ำตกมีน้ำเยอะ อากาศตอนเช้าเย็น ๆ กลางวันกำลังดี ในหน้าหนาวบนนี้อากาศตอนเช้าจะเย็นมาก เหมาะกับการกางเต็นท์รับลมหนาว หน้าร้อน ป่าไม้ค่อนข้างแล้งออกเป็นสีเหลือง เหมาะกับการส่องสัตว์ เพราะคนค่อนข้างเงียบ อากาศตอนเช้าเย็น ๆ กลางวันไม่ร้อนมาก
  • ถ้าจะส่องสัตว์ป่าบนเขาใหญ่ เราต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงศูนย์บริการท่องเที่ยว เสียค่าบริการรถคันละ 500 บาท นั่งได้ 10 คน เฉลี่ยคนละ 50 บาท ใช้เวลาส่องสัตว์ประมาณชั่วโมงครึ่ง 19:00 – 20:30 สัตว์ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็น เก้ง กวาง ช้างป่า เม่น ชะมด ส่วนจะเห็นเยอะหรือน้อยอยู่ที่โชค ฮ่า ๆ

1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผืนป่าดงพญาเย็น ประตูสู่ธรรมชาติใกล้เมืองหลวง

“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอุทยานฯแห่งแรกของประเทศไทยและได้รับเป็นมรดกโลก มีทั้งธรรมชาติป่าไม้ ภูเขา สัตว์ป่า ที่อุดมสมบูรณ์มาก บางทีเราขับรถขึ้นไปบนเขาใหญ่ก็สามารถเห็นสัตว์ป่าอยู่ริมทางหรือตามโป่งต่าง ๆได้เลย ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปส่องในป่าลึก (ขับรถบนนี้ระวังสัตว์ป่าตัดหน้ารถกันด้วยนะค้าบบ ขับช้า ๆ จะดีที่สุด!!) ส่วนใครที่เป็นสายแคมป์ปิ้งที่นี่ก็บรรยากาศดีมาก ๆ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นใช้ได้รับรองไม่ผิดหวัง แถมมีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆภายในอุทยานฯเยอะมาก ๆเที่ยววันเดียวก็ไม่หมด ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวผาเดียวดาย จุดชมวิวผาตรอมใจ น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกกองแก้ว แล้วที่สำคัญคือไม่ไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นใครที่กำลังคิดอยากจะเริ่มต้นเที่ยวสัมผัสธรรมชาติดูสัตว์ป่าจริง ๆที่ไม่ใช่ในสวนสัตว์ พร้อมกับรับบรรยากาศเย็น ๆในช่วงหน้าหนาว เขาใหญ่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 2-3 ช.ม. เท่านั้น(ไปกลับวันเดียวยังได้ แต่ไปหลายวันจะดีกว่า  ฮ่า ๆ) แล้วในอนาคตก็มีทางด่วนเชื่อมถึงด้วย(กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) คงลดเวลาเดินทางไปเยอะ

ผืนป่าดงพญาเย็น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ผืนป่าดงพญาเย็น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทางขึ้นไปผาเดียวดาย
ผาเดียวดาย เขาใหญ่
จุดชมวิวผาเดียวดาย บนอุทยานฯเขาใหญ่
กวางป่า เขาใหญ่
กวางป่า บริเวณศูนย์อาหาร หน้าศูนย์บริการท่องเที่ยว เขาใหญ่

“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” นอกจากจะเป็นอุทยานแห่งชาติแรกของไทย ก็เป็นอุทยานฯที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นลำดับที่สามของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 2,165 ตร.กม. ครอบคลุมทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี จ.นครนายก และ จ.สระบุรี หากเทียบแล้วก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่เท่ากับจังหวัดนครนายกทั้งจังหวัด!!!(2,122 ตร.ก.ม) อุทยานฯเขาใหญ่เป็นพื้นที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของไทยมาก เป็นแหล่งต้นน้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลำตะคอง ที่เป็นลำน้ำที่หล่อเลี้ยงเกษตรกรรมในพื้นราบสูงโคราช แม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำนครานายก และลำพระเพลิง ซึ่งจะไหลรวมกันจนเกิดเป็นแม่น้ำบางปะกง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมระบบนิเวศป่าไม้ที่หลากหลาย โซนด้านล่างภูเขาจะเป็นป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าเบญจพรรณ ส่วนบนภูเขาที่สูงกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะมีลักษณะเป็นป่าดิบเขา และถ้าใครสังเกตจะเห็นทุ่งหญ้าหรือโป่ง(ตรงที่เราส่องสัตว์) ส่วนนั้นแต่เดิมเกิดจากการชาวบ้านทำไร่เลื่อนรอยเป็นเวลานับ 10 ปี ก่อนที่จะประกาศเป็นอุทยานฯ หลังจากประกาศอุทยานฯแล้วเมื่อเวลาผ่านไปป่าไม้ฟืนฟูตัวเองจนกลายเป็นทุ่งหญ้าและมีบางส่วนเป็นป่าละเมาะดังที่เราเห็นในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามนุษย์ไม่ต้องไปยุ่งกับการปลูกป่าอะไรเลย ป่าไม้จะค่อยฟื้นตัวเองได้ในที่สุด ดังนั้นการปลูกป่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นและเสียงบประมาณมาก ๆ

โป่ง ทุ่งหญ้า เขาใหญ่

ถนนบนเขาใหญ่  อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

สำหรับเรื่องที่พัก ทางอุทยานฯแห่งชาติได้เตรียมทั้งลานกางเต็นท์และบ้านพักไว้ให้ ในส่วนของลานกางเต็นท์มีหลายจุด ได้แก่ ลานกางเต็นท์บริเวณลำตะคองหรือแถวทีทำการอุทยานฯ , บริเวณผากล้วยไม้ ส่วนใครไม่ใช่สายแคมป์ปิ้งก็สามารถจองที่พักของอุทยานฯได้ในเว็บ จองที่พักอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งจะเป็นบ้านพักหลัง ๆ ราคา 2,400 บาท/คืน  มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พักได้ถึง 8 คน เฉลี่ยคนละ 300 บาท ยิ่งถ้าจองวันธรรมดาจะเหลือ 1,680 บาท/คืน เฉลี่ยคนละ 210 บาท/คน เท่านั้น ขอบอกเลยวว่าโคตรคุ้ม!! จริงๆ จับกลุ่มมาแค่ 5 คน ก็คุ้มแล้ว และขอบอกเลยว่า เราอาจได้เห็นสัตว์ป่าตรงหน้าบ้านพักได้เลย เรียกได้ว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก ๆ (ไม่ควรนำอาหารออกมากินข้างนอก ลิงที่นี่ดุและโหดมาก!!!!) หรือถ้าใครอยากพักหรู ๆ สบาย ๆ ก็สามารถพักที่บริเวณเขาใหญ่(ปากช่อง วังน้ำเขียว อะไรก็ว่าไป 55555) มีหลายที่เลยแล้วค่อยขับรถขึ้นมาเที่ยวก็ได้  

เก้งป่า เขาใหญ่
เก้งป่า ถ่ายหน้าบ้านพัก ตอนช่วงสาย ๆ
เก้งป่า ถ่ายด้วยระยะเลนส์ 85 mm
กวางป่า เพศเมีย บริเวณถนนหน้าบ้านพักอุทยานฯ

2. เที่ยว เขาใหญ่ ไปช่วงไหนดี แต่ละเดือนอากาศเป็นอย่างไร

เนื่องจาก “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” มีความสูงของภูมิประเทศที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นสภาพอากาศขึ้นอยู่กับระดับความสูง หากจะให้ระบุอากาศเป็นจุด ๆคงจะยากมาก ดังนั้นผมจะอ้างอิงบริเวณที่ทำการอุทยานฯที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 740 เมตร และและอยู่สูงกว่าเมืองนครราชสีมาประมาณ 550 เมตร บนนี้จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ดังนั้นใครที่จะมากางเต็นท์หรือพักที่อุทยานฯ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อน เพราะที่นี่อากาศจะเย็นกว่าตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 3-4 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนจะอยู่ตารางด้านล่าง(อ้างอิงจากหน้าที่ทำการอุทยานฯหรือบริเวณบ้านพักกองแก้ว ที่ระดับความสูง 740 เมตร)

สภาพอากาศ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ตารางค่าประมาณอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยในแต่ละเดือนบนอุทยานฯเขาใหญ่ อ้างอิงความสูงใกล้เคียงกับบ้านพักพองแก้วๆ เพราะบ้านพักและลานกางเต็นท์ตั้งอยู่ในระดับความสูงนี้เยอะ

สภาพอากาศ ถูมิอากาศ ผาเดียวดาย เขาใหญ่
ตารางค่าประมาณอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยในแต่ละเดือนบนอุทยานฯเขาใหญ่ อ้างอิงความสูงของผาเดียวดาย ที่ระดับความสูง 1,190 เมตร ซึ่งจะเย็นกว่าหน้าที่ทำการฯประมาณ 2-5 องศาฯ

เขาใหญ่ หน้าฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) เป็นช่วงที่ผืนป่าเป็นสีเขียวแล้วมีเมฆหมอกละภูเขา อากาศตอนเช้าจะเย็น ๆประมาณ 22-23 องศาฯ ส่วนกลางวันไม่ร้อนมากประมาณ 29-31 องศาฯ ป่าไม้จะเริ่มเขียวประมาณเดือน พ.ค. แต่จะเขียวสมบูรณ์สุดตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นไป ข้อดีของการเที่ยวหน้าฝนคือได้ธรรมชาติป่าไม้เขียว ๆ น้ำตกแต่ละแห่งมีน้ำเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน น้ำจะเยอะเป็นพิเศษ ส่วนข้อเสียคือต้องระวังเรื่องน้ำป่าไหลหลาก หากเห็นน้ำตกสีขุ่นๆให้รีบออกจาพื้นที่นั้นทันที และในช่วงนี้สัตว์ป่ามักไม่ค่อยออกเนื่องจากในป่ามีน้ำเพียงพอสัตว์ป่าเลยไม่ออกมากินน้ำแถวโป่งต่าง ๆ ดังนั้นใครจะมาส่องสัตว์ช่วงนี้อาจจะไม่เห็นสัตว์เยอะเท่าที่ควร

เขาใหญ่ หน้าหนาว (พฤศจิกายน-กลางกุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่สามารถสัมผัสอากาศหนาวได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับสายกางเต็นท์แคมป์ปิ้งรับลมหนาวเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีความกดอากาศสูงลงมาแรงๆมีโอกาสเจอเลขตัวเดียวได้เลย แถมเป็นหนาวลมด้วย ท้องฟ้าช่วงนี้ส่วนใหญ่แจ่มใส สามารถล่าแสงเช้าเฝ้าแสงเย็น เก็บน้องดาวได้ในแบบที่ไม่ต้องลุ้นท้องฟ้าเปิด/ปิดเลย น้ำตกช่วงนี้ยังเยอะอยู่และใสด้วย แต่ข้อเสียช่วงนี้คือต้นไม้จากเขียวๆจะเริ่มเหลืองแล้ว และหลังมกราคมเป็นต้นไปจะเหลืองเลย มีเขียวๆแค่บนภูเขาสูงๆอย่างเขาเขียวหรือผาเดียวดาย

เขาใหญ่ หน้าร้อน (กลางกุมภาพันธ์-พฤษภาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวส่องสัตว์ป่ามากที่สุด เพราะช่วงนี้สัตว์ป่าจะออกมากินน้ำตามโป่งต่าง ๆ เนื่องจากในป่าค่อนข้างแล้งไม่มีให้น้ำกิน แล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วงนี้สัตว์ป่าเยอะกว่าปกติคือคนเที่ยวไม่ค่อยมีครับ เงียบสงบมาก สายส่องสัตว์ชอบเลย แม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนแต่ช่วงเช้า ๆตอนเดือนมีนาคมอากาศยังเย็นถึงหนาวอยู่นะครับ กลางวันอากาศกำลังดีไม่ได้ร้อนมาก ข้อเสียคือหมอกควันอาจจะหนาได้เป็นบางวัน ป่าไม้ค่อนข้างแห้งเป็นสีเหลืองออกสีน้ำตาลบางจุด จะมีเขียวนิดๆหน่อยก็ตรงผาเดียวดาย และแน่นอนว่าน้ำตกช่วงนี้น้ำน้อยมาก น้ำประปาที่บ้านยังแรงกว่าอีกฮ่า ๆ

โป่ง น้ำในช่วงหน้าร้อน ต้นไม้จะยังพอเขียว ๆอยู่บ้าง สัตว์ป่ามักจะออกมากินน้ำจุดนี้ในฤดูแล้ง

3. จุดชมวิวผาเดียวดาย จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเขาใหญ่

จุดชมวิวผาเดียวดาย นอกจากเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นของเขาใหญ่แล้วยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นแนวเทือกเขาพนมดงรักที่เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลกระหว่างแผ่นฉานไทยชนกับอินโดจีนเมื่อ 220 ล้านปีที่แล้ว ทำให้ฝั่งทิศเหนือเป็นที่ราบสูงอีสาน ส่วนฝั่งทิศใต้เป็นที่ราบลุ่มภาคตะวันออก แน่นอนว่าตรงนี้เราจะเห็นเทือกเขายอดตัดที่คล้ายกับภูกระดึง และที่ราบลุ่มของจังหวัดปราจีนบุรีได้กว้างไกล และด้วยความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,190 เมตร ทำให้บนผาเดียวดายมีอากาศเย็นเกือบทั้งวัน ยิ่งช่วงเช้าหน้าหนาวอาจจะถึงเลขตัวเดียวได้ ดังนั้นใครอยู่ กทม. แล้วอยากสัมผัสอากาศหนาวๆใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2-3 ช.ม. ก็ต้องมาที่ผาเดียวดายที่เขาใหญ่นี่แหละครับ รับรองสยิวกิ้วเลย (ข้อควรระวัง !!! ห้ามก้าวขาไปหลังเส้นเหลืองนะครับ อันตรายมาก )

ผาเดียวดาย

ลานจอดรถหน้าทางเข้าไปจุดชมวิวผาเดียวดาย

4. น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกสวยใกล้ที่ทำการฯอุทยานฯเขาใหญ่

น้ำตกเหวสุวัต เป็นหนึ่งในน้ำตกสวยของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ ห่างกันประมาณ 11 กิโลเมตร น้ำตกเหวสุวัต มีความสูงของตัวน้ำตกประมาณ 25 เมตร เกิดจากห้วยลำตะคองไหลลงหน้าผาหิน บริเวณทางเข้ามีลานจอดรถกว้างมาก ตัวน้ำตกจะเดินเข้าไปจากลานจอดรถประมาณ 200 เมตร ขาไปเป็นทางลงอย่างเดียวไม่เหนื่อย ขาขึ้นก็ขึ้นอย่างเดียวเหนื่อยนิดนึง ฮ่า ๆ แนะนำใครจะมาเที่ยวน้ำตกควรมาหน้าฝนหรือหนาวนะครับ เพราะปริมาณน้ำจะเยอะ ใครไปช่วงหน้าร้อนจะเหลือน้ำน้อยมาก

น้ำตกเหวสุวัต ช่วงหน้าฝน
น้ำตกเหวสุวัต ช่วงหน้าฝน เป็นช่วงปริมาณน้ำเยอะ จะมีน้ำตก 2 สาย ไหลลงมา
น้ำตกเหวสุวัต ช่วงหน้าร้อน ฤดูแล้ง
น้ำตกเหวสุวัต ช่วงหน้าร้อน หรือหน้าแล้ง จะเหลือน้ำตกเพียงสายเดียวเท่านั้น
น้ำตกเหวสุวัต มุมบน
บันไดเดินลงไปน้ำตก
บันไดเดินลงไปน้ำตกเหวสุวัต มีประมาณ 200 ขั้นได้

5. ไปเขาใหญ่ ก็ไม่ควรพลาดส่องสัตว์ตอนกลางคืน

เขาใหญ่มีพื้นที่กว้างขวางความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมีมาก ทำให้ที่นี่มีสัตว์ป่าชุกชุมหลายร้อยชนิด แต่พบเห็นบ่อยๆ ได้แก่ กวางป่า เก้ง เลียงผา ลิง ชะนี เม่น กระต่ายป่า ไก่ป่า และนกต่าง ๆอีกมากมาย ซึ่งสัตว์ป่าที่นี่มักจะออกหากินช่วงเย็น ๆถึงพลบค่ำ ซึ่งทางอุทยานฯจะมีบริการพาส่องสัตว์ โดยเราสามารถไปติดต่อได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวตรงที่ทำการอุทยานฯได้เลย รายละเอียดสำหรับคนที่สนใจส่องสัตว์ผมสรุปให้ตามนี้

  • ติดต่อซื้อบัตรส่องสัตว์ได้ที่ศูนย์บริการท่องเที่ยว ซึ่งจะคิดเป็นคันรถ คันละ 500 บาท นั่งได้ 10 คน เฉลี่ยคนละ 50 บาท ถ้ามาเยอะครบ 10 คนก็จะถูกถ้ามาน้อยก็อาจจะแพง แต่ไหน ๆก็มาแล้วลองคนแถวนั้นมาหารเฉลี่ยเอาก็ได้ หรือถ้าไม่มีจริงๆก็จ่ายเต็มแบบป๋า ๆจ่ายให้น้องสาวเลย
  • เมื่อซื้อบัตรเสร็จแล้วรถจะมารับที่หน้าจุดบริการท่องเที่ยว(ตรงที่ซื้อบัตร) หรือถ้าใครพักบบนอุทยานฯ แจ้งเขาว่าพักอยู่ตรงบ้านหลังไหน เขาจะไปรับถึงหน้าบ้านพักเราเลย การเดินทางส่องสัตว์จะใช้เวลาตั้งแต่ 19:00 -20:30 หรือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง บนเส้นทางประมาณ 10 กิโลเมตร
  • สัตว์ป่าจะออกมาเยอะหรือไม่เยอะแล้วแต่โชค แต่การได้ดูสัตว์จริงๆที่ไม่ได้อยู่ในสวนสัตว์ความรู้สึกมันต่างกันมาก ๆ สัตว์ส่วนมากที่เห็นจะเป็นพวก กวางป่า เก้ง ช้างป่า ชะมด เม่น และนานๆทีอาจะได้เห็นกระทิงและเสือ

การถ่ายสัตว์ป่าในตอนกลางคืนเป็นเรื่องที่ยากมาก หากกล้องราคาไม่แพง ประเด็นแรกเราห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด!! เพราะสัตว์ป่าจะตื่นตกใจอาจจะวิ่งหนีหรือมาทำร้ายเราได้ วิธีเดียวที่จะได้ภาพสัตว์ป่าคือดัน ISO ให้สุงที่สุด รูปทั้งหมดผมใช้ ISO6400-25600 เรียกได้ว่า Noise บานเบอะ แต่ไม่เป็นไร ขอให้ได้ภาพก็พอ ผมใช้กล้อง Nikon D610 ใครที่กล้องเหนือกว่าผมก็ลด Noise ได้เยอะมาก