ภูป่าเปาะ
Highlight
- ภูป่าเปาะ เป็นสถานที่มองเห็นภูหอได้สวยงามและเหมือนภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด และภูหอคือภูเขายอดตัด(Mesa)ที่มีความสวยงามและแปลกตามากที่สุดของไทย สำหรับการขึ้นมาจุดชมวิวของภูป่าเปาะจะต้องขึ้นรถอีแต๊กของชาวบ้าน ซึ่งจะเสียค่าขึ้นคนละ 60 บาท เท่านั้น (มาคนเดียวเขาก็ขึ้นให้และจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้)
- ตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาภูป่าเปาะ มากที่สุด เพราะว่าจุดชมวิวของภูป่าเปาะส่วนใหญ่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และภูหอก็ตั้งอยู่ทิศตะวันตกด้วย ส่วนจุดชมวิวที่เก็บแสงเย็นที่สวยที่สุดผมยกให้เป็นจุดแรกกับจุดที่สี่ครับ
- ผาหินงาม เป็นสถานที่น่าแวะเมื่อมาถึงภูป่าเปาะครับ คือมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนน้อย ๆเรียงรายกันเป็นหย่อม ๆ ซึ่งก็สวยแปลกไปอีกแบบเหมือนกัน หากมีเวลาไม่ควรพลาดครับ
1. ภูป่าเปาะ Unseen เมืองเลยที่ไม่ควรพลาด
ถ้าถามว่าสถานที่ไหนในจังหวัดเลยมีความสวยงามแปลกตามากที่สุด คำตอบก็คงหนีไม่พ้น “ภูป่าเปาะ” ด้วยทัศนียภาพของภูป่าเปาะที่สามารถมองเห็นภูหอตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นภูเขายอดตัด(Mesa)ที่มีความสวยงามเฉพาะตัวแห่งเดียวในไทย จนหลายคนขนานนามว่าเป็น “ฟูจิเมืองเลย” จริง ๆแล้ว “ภูหอ” เป็นภูเขายอดตัดที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอภูหลวง แต่ว่ามุมที่สวยแล้วมองเห็นเป็นภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดจะอยู่บนภูป่าเปาะนะครับ ซึ่งภูป่าเปาะจะมีจุดชมวิวทั้งหมด 4 จุด จุดแรก จะเห็นภูหอในแนวตรงมากที่สุด(ผมว่าจุดนี้สวยสุด) จุดที่สอง จะเป็นลานกว้างมีชิงช้าให้ถ่ายรูปเล่น และเห็นภูหอเฉียงมานิดหน่อย จุดที่สาม ตรงนี้จะไม่เห็นภูหอ แต่จะเห็น landscape ด้านฝั่งตะวันออกที่มีภูเขาหินปูนคล้ายกับลักษณะผู้หญิงนอน และเป็นจุดสุดท้ายที่รถอีแต๊กเข้าถึง แน่นอนว่าใครจะไปจุดที่สี่จะต้องเดินขึ้นไปอีก 200 เมตรนะครับ ในจุดที่สี่ เราจะเห็นวิวเกือบ360 องศา หากอากาศดี ๆ เราจะเห็นได้ทั้ง ภูกระดึง ภูหอ ภูหลวง และอาจเห็นไปถึง ภูทับเบิก เลยทีเดียว สุดท้ายผมคิดว่าภูป่าเปาะเป็นหนึ่งในสถานที่สายเที่ยวภูเขาควรมาอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต และนับเป็นสถานที่ unseen ของจังหวัดเลยอีกด้วย
เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของการเดินทางมาภูป่าเปาะ ก็คือการขึ้นรถอีแต๊กขึ้นมาจุดชมวิว ชาวบ้านเล่าให้ว่า ” เดิมภูป่าเปาะอนุญาติให้รถปกติขึ้นไป แต่ด้วยทางที่ค่อนข้างชันและเป็นทางดิน แถมด้านบนที่จอดรถค่อนข้างจำกัด ทำให้การท่องเที่ยวภูป่าเปาะในช่วงนั้นค่อนข้างลำบาก และรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้อย่างจำกัด ต่อมามีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเห็นรถอีแต๊กวิ่งผ่าน นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นได้ขอลองให้ขาวบ้านนำรถอีแต๊กพาขึ้นภูป่าเปาะ จนชาวบ้านเกิดไอเดียตั้งรัฐวิสาหกิจชุมชนขึ้นมา เพื่อจัดระบบการขึ้นภูป่าเปาะ โดยการใช้รถอีแต๊กแทนการให้นักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเอง” นอกจากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวแล้วชาวบ้านที่นี่ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย สำหรับราคาขึ้นจะอยู่ที่คนละ 60 บาท รถนั่งได้คันละ 10 คน(มาคนเดียว 60 บาท รถก็พาขึ้นนะครับ) จากจุดขึ้นรถอีแต๊กไปจุดชมวิวแรกบนภูป่าเปาะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แม้ว่ามันอาจจะดูนาน แต่ระหว่างทางขึ้นเราจะได้ชมบรรยากาศทุ่งนาป่าเขาพร้อมกับดูวิถีชนบทของหมู่บ้านผาหวายด้วยครับ ส่วนทำไมที่นี่ถึงชื่อว่า “ภูป่าเปาะ” ก็เพราะว่าแถบนี้มีต้นไผ่เปาะขึ้นเยอะนั่นเอง(ไผ่เปาะ เป็นไม้ไผ่ชนิดหักเปาะง่าย)
ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านผาหวาน อำเภอหนองหิน จ.เลย อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700-900 เมตร ทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ในตอนเช้าอุณหภูมิจะต่ำกว่าเมืองเลยประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวภูป่าเปาะฤดูกาลไหน ก็แทบไม่ต้องกลัวเรื่องอากาศร้อนเลย ยกเว้นหน้าร้อนนะครับที่นี่ตอนกลางวันก็ร้อนเอาเรื่องเลย แต่กลางคืนก็อากาศเย็นๆ ส่วนตารางด้านอุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละเดือนของบ้านผาหวายนะครับ อ้างอิงจากหมู่บ้านผาหวายที่ความสูง 700 เมตร
2. ภูป่าเปาะความอลังการอยู่ที่แสงเย็น
สำหรับผมแล้วที่สุดของการมาภูป่าเปาะ คือการมาเก็บแสงเย็นครับ เนื่องจากภูป่าเปาะจุดชมวิวจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และภูหอก็ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเช่นกัน ดังนั้นความสวยงามของที่นี่จะอยู่ตอนเย็นนั่นเอง ส่วนแสงเย็นจุดชมวิวไหนเด็ดสุด เท่าที่ผมลองสำรวจแล้วผมว่าจุดชมวิวแรกนั่นแหละครับ เพราะตรงนี้เราจะเห็นภูหอตรง ๆ นั่นเอง ส่วนถ้าใครอยากได้ landscape กว้างๆก็ขึ้นไปจุดชมวิวที่สี่ได้เลย แต่ก็เผื่อเวลาลงหน่อยครับ และใครสายถ่ายภาพถ้ามีเลนส์ระยะ 50 mm(ระยะFull frame) จะได้เปรียบมากใครมีเอาติดมาด้วย จริง ๆแล้วครั้งนี้ผมมาภูป่าเปาะช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะอยากเก็บทะเลหมอก และแน่นอนว่าไม่ได้หมอกแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่เป็นไรเพราะผมได้สายฝนแบบอลังการไปแทนฮ่า ๆ ซึ่งผมว่ามันคุ้มค่ามาก เนื่องจากปรากฎการณ์แบบนี้จะพยากรณ์ยากกว่าหมอกมาก เรียกได้ว่าครั้งนี้โชคดีล้วน ๆเลยครับ ส่วนเรื่องทะเลหมอกเอาไว้มีโอกาสไปอีกเมื่อไหร่จะเอามาเขียนให้ได้ชมกันครับ (รอบหน้าคงไปหน้าฝนแล้ว เพราะชาวบ้านบอกว่าหน้าฝนหมอกขึ้นสวย)
3. เก็บแสงเช้าสบาย ๆบนจุดชมวิว
ในตอนเช้าภูป่าเปาะพอเก็บแสงเข้าได้แต่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก เนื่องจากว่าจุดชมวิวส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทำให้เราไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นโดยตรง และแน่นอนว่าช่วงพระอาทิตย์ขึ้น 30 นาทีแรก จะเกิดเงาด้านล่างหุบเขา ใครสายถ่ายรูปจะเข้าใจดีว่ามันวัดแสงยาก แต่ข้อดีของตอนเช้าคือสามารถลุ้นทะเลหมอกได้ครับ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน แต่ว่าตอนผมไปไม่มีครับ เพราะวันนั้นลมค่อนข้างแรง ต่อให้มีความชื้นหมอกมันก็ไม่เกิดครับ เอาไว้ผมจะไปเก็บหน้าฝนจริง ๆ เมื่อไหร่ จะมารีวิวให้อีกรอบครับ
4. สวนผาหินงาม มหัศจรรย์ผาหินปูน
“สวนผาหินงาม” เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บนเส้นทางเดียวกับภูป่าเปาะ ถ้ามาจากเมืองเลยจะมีทางเลี้ยวขวาก่อนถึงจุดขึ้นรถอีแต๊กประมาณ 3 กิโลเมตร “สวนหินผางาม” มีลักษณะเป็นหินปูนขนาดใหญ่ ๆเรียงรายกัน แต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน จึงเกิดการทับถมของซากสัตว์ทะเลจนกลายเป็นหินปูน(ที่นี่มีการค้นพบซากสัตว์ทะเลโบราณด้วย) ต่อมาเมื่อประมาณ 250 ล้านปีก่อน บริเวณนี้ถูกยกตัวสูงขึ้นจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกฉานไทยกับอินโดจีน จนทำให้เกิดเป็นแนวเทือกเขาไล่มาตั้งแต่จังหวัดเชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ เลย เพรชบูรณ์ ไปจนถึงกัมพูชา และพอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆภูเขาหินปูนถูกน้ำฝนเซาะจนเหลือเป็นเพียงหน้าผาหินเท่านั้น จริง ๆแล้วภูหอเองก็เกิดกระบวนการนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ส่วนบนภูหอเป็นหินทรายแล้วมีหินปูนแทรกอยู่ทำให้มีความคงทนต่อการกร่อนสูง ในขณะที่ส่วนล่างเป็นหินดินดานที่ผุกร่อนได้ง่าย เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีหินชั้นล่างก็ผุกร่อนไปในขณะที่ด้านบนยังอยู่ จึงทำให้เราเห็นภูหอชันน้อยส่วนล่างชันมากส่วนบน ภูเขาแบบบนี้เราเรียกว่าภูเขายอดตัดหรือเมซา(Mesa) นั่นเอง (ภูกระดึง ภูหลวง ภูทับเบิก ภูเรือ ก็เกิดแบบนี้ละครับ) ดังนั้นการเกิดภูหอกับภูเขาไฟฟูจิถือว่าคนละเรื่องเลยครับ
5. ภูป่าเปาะ ไปพักไหนดี
หลายคนวางแผนมาภูป่าเปาะ แต่ไม่รู้ว่าจะมาพักที่ไหนดี ผมแนะนำ “ศิลามณี คุณหมิงวิว” ล่าสุดผมมีโอกาสได้มาพักที่นี่แล้วรู้สึกประทับใจ เพราะนอกจากเจ้าของบริการดีเป็นกันเองมากแล้วในเรื่องความสะอาดของห้องพักถือว่าดีเยี่ยม และอาหารเช้าที่นี่เรียกได้ว่าจัดเต็มมากครับ แถมอร่อยมากด้วย แม้ว่าห้องอาจจะแคบไปนิดนึง ไม่มีโต๊ะให้วางของเท่าไหร่ แต่ด้วยราคาเพียงคืนละ 800 บาท/หลัง/2คน สำหรับผมแล้วถือว่าคุ้มค่ามากครับ ผมไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรจากเจ้าของนะครับ อันนี้รีวิวด้วยความเต็มใจเลยล้วน ๆ ดังนั้นใครมาภูป่าเปาะและสนใจพักที่นี่ ติดต่อได้ที่เบอร์ 061-1010-5455 / 089-276-5707 หรือ Facebook Fanpage : ศิลามณี คุณหมิงวิว ได้เลยครับ ส่วนสถานที่ตั้งก็อยู่เลยจากผาหินงามเพียง 200 เมตร เท่านั้น และห่างจากจุดขึ้นรถอีแต๊กประมาณ 3.9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปจุดขึ้นรถอีแต๊กประมาณ 5 นาที อ้อลืมบอกไปที่นี่มีลานกางเต็นท์ด้วยนะครับ
