ภูเรือ
Highlight
- สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาภูเรือ คือการมาชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมรับลมหนาวเย็น ๆบนยอดภูเรือ แล้วในช่วงต้นฤดูหนาวบนยอดภูเรือจะมีดอกไม้ต่าง ๆผลิบานให้ได้ชมกัน สำหรับใครที่จะเก็บพระอาทิตย์ตกดินที่ภูเรือจะต้องไปจุดชมวิวผาซำทอง ซึ่งทางเข้าจะอยู่ระหว่างทางจากที่ทำการฯมาบนยอดภูเรือ
- ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือราว ๆ ต.ค. – ก.พ. ทางอุทยานฯจะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปบนยอดภูเรือ เราจะต้องขึ้นรถสองแถวที่จุดขึ้นรถ ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงยอดภูเรือประมาณ 750 เมตร ค่าขึ้นอยู่ที่คนละ 10 บาท และในช่วงลมหนาวลงมาแรง ๆ แนะนำให้ใส่เสื้อกันลมมาด้วย เพราะบนยอดภูเรือจะหนาวลมมาก ๆ
1. อุทยานแห่งชาติภูเรือ สถานที่รับลมหนาวของเมืองเลย
“อุทยานแห่งชาติภูเรือ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเลยที่ไม่ควรพลาดมาก ๆ นอกจากมีวิวทิวทัศน์ที่มองเห็นภูเขายอดตัดสลับกันไปมาอย่างสวยงามแล้วบนยอดภูเรือยังมีอากาศหนาวเย็นเป็นลำดับต้น ๆของไทยอีกด้วย แม้ว่าบนยอดภูเรือจะหนาวแพ้ยอดดอยอินทนนท์ แต่ถ้าช่วงลมหนาวลงมาแรง ๆ ขอบอกเลยครับว่าบนนี้หนาวสะท้านจนต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียว และอีกหนึ่ง Highlight ของภูเรือคือในช่วงต้นฤดูหนาวดอกไม้ต่าง ๆบนยอดภูเรือจะเริ่มผลิบานให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มอิ่ม ใครสายถ่าย Portrait ต้องมาเลย รับรองได้ภาพสวย ๆ กลับบ้านแน่นอน นอกจากนี้ภูเรือยังมีสถานทีท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าไปอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวเดโช ผาซำทอง ผาโหลนน้อย น้ำตกห้วยไผ่ สวนหินพาลี เรียกได้ว่าเที่ยววันเดียวก็ไม่หมด ดังนั้นใครที่วางแผนมาเที่ยวภูเรือแล้วก็เผื่อเวลาไว้หนึ่งวันเต็ม ๆได้เลยครับ
“อุทยานแห่งชาติภูเรือ” ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาเพรชบูรณ์ตอนเหนือ มีความสูงเฉลี่ย 1,000 -1,200 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย มียอดภูเรือเป็นจุดสูงสุด ซึ่งสูงประมาณ 1,365 เมตร จากระดับน้ำทะเล ส่วนป้ายสูงสุดจะอยู่ด้านหลังพระพุทธรูปนาวาบรรพต แน่นอนว่าด้วยความสูงระดับนี้บวกกับสภาพอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี ทำให้บนยอดภูเรือมีสภาพเป็นป่าสนเขาครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างสวยงามไม่แพ้บนภูกระดึง ส่วนทำไมถึงชื่อว่า “ภูเรือ” ก็เพราะว่ามียอดเขาลูกหนึ่งเป็นหน้าผายื่นออกไปคล้ายกับเรือสำเภาขนาดยักษ์ อันที่จริงแล้วผมว่ายอดภูเขาแถวนี้มันก็ยื่นหมดแหละครับ ไม่เชื่อลองขึ้นไปจุดชมวิวบนยอดภูเรือแล้วมองลงมาจะเห็นภูเขาหลายลูกเลยที่มีลักษณะยอดเขายื่นออกไปด้านในด้านหนึ่ง นับเป็นหนึ่งใน Landscape ที่มีความงามเฉพาะตัวของภูเขาในแถบอำเภอภูเรือเลยครับ
สำหรับใครที่มาเที่ยวยอดภูเรือหรือตัวอำเภอเมืองภูเรือ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อน เนื่องจากยอดภูเรืออยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,300 เมตร ทำให้บนยอดภูเรือมีอุณหภูมิในตอนเช้าเย็นกว่าตัวเมืองเลยประมาณ 5-6 องศาเซลเซียส และอำเภอภูเรือจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 630 เมตร อุณหภูมิตอนเช้าจะเย็นกว่าตัวเมืองเลยประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส ในตอนกลางวันก็ร้อนๆได้บ้างตามแบบฉบับเมืองไทย แล้วจะร้อนมาก ๆในช่วงกลางวันของหน้าร้อน และใครมาบนยอดภูเรือช่วงลมหนาวลงมาจากจีนแรง ๆ แนะนำให้ใสเสื้อกันหนาวแบบกันลมมาด้วย เพราะบนนี้จะหนาวลมมาก ๆ ส่วนตารางด้านล่างคืออุณหภูมิเฉลี่ยของยอดภูเรือและอำเภอภูเรือในแต่ละเดือนครับ
2. ผาซำทอง จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินของภูเรือ
คนส่วนใหญ่มักจะมาเที่ยวภูเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า แต่หลายคนไม่รู้ว่าในตอนเย็นบนภูเรือก็สามารถเก็บแสงเย็นและพระอาทิตย์ตกดินได้เหมือนกัน ซึ่งจุดเก็บแสงเย็นจะอยู่บริเวณผาซำทอง อยู่เลยจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 2.4 กิโลเมตร ตรงหน้าทางเข้าจะมีลานหญ้าให้จอดรถ(ต้องสังเกตดี ๆถ้ามาจากอุทยานฯลานจอดรถจะอยู่ซ้ายมือ แต่ทางเข้าป่าจะอยู่ขวามือ) จากลานจอดรถเราจะต้องเดินเข้าป่าไปอีก 200 เมตร เป็นทางเดินค่อนข้างรก แต่ก็พอมองเห็นว่าเป็นทาง พอเดินไปเรื่อย ๆเมื่อถึงผาซำทองเราจะต้องปีนผาหินขึ้นไปนิดนึง ปีนไม่ยากมีร่องหินกับต้นไม้ให้จับ แต่ว่าระวังมดนะครับ มดเยอะมากกัดเจ็บแต่คันไม่นาน มันดูเหนื่อยหน่อยแต่ขึ้นมาแล้วรับรองว่าเหนื่อยเหมือนเดิม เอ้ยหายเหนื่อยเลยครับ
3. เก็บแสงเช้ารับลมหนาวบนยอดภูเรือ
แน่นอนว่าสิ่งที่ห้ามพลาดเลยเมื่อมาถึงภูเรือ ก็คือการไปรับลมหนาวพร้อมกับดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเรือ ใครที่จะไปเก็บแสงเช้าแนะนำให้ขึ้นมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 30 นาที เพื่อที่จะได้ถ่ายชั้นขอบฟ้าช่วงแสงสนธยาสวย ๆ แล้วจะได้ไม่พลาดจังหวะพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าด้วย และบนยอดภูเรือแม้ว่าจะมีอากาศหนาวเย็น แต่โอกาสเกิดแม่คะนิ้งในตอนเช้าที่นี่ก็ยากมาก เพราะช่วงที่ความกดอากาศสูงลงมาแรง ๆตามยอดภูต่าง ๆในจังหวัดเลย ลมจะพัดแรงมาก ครั้งล่าสุดที่เกิดแม่คะนิ้งก็เมื่อตอน ม.ค. 2014 (แม่คะนิ้งในจังหวัดเลย ส่วนมากจะเกิดในทุ่งนาแถบอำเภอนาแห้ว อำเภอภูเรือ นาน ๆ ทีจะเกิดบนยอดภูเรือหรือภูกระดึง) ดังนั้นมาภูเรือไม่ต้องคาดหวังแม่คะนิ้งนะครับ ถ้าจะไปดูแม่คะนิ้งแนะนำให้ไปดอยอินทนนท์เลย
4. มาถึงภูเรือ ไปพักที่อุทยานฯกันเถอะ
สำหรับใครที่มาภูเรือแล้วไม่รู้จะพักที่ไหน แต่อยากได้ที่พักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และใกล้กับทางขึ้นยอดภูเรือ ผมแนะนำ”บ้านพักอุทยานแห่งชาติภูเรือ” เลยครับ เพราะว่าที่นี่อยู่ตรงที่ทำการอุทยานฯ เลยครับ ห่างจากยอดภูเรือประมาณ 4.7 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองภูเรือ(ถนนใหญ่)ประมาณ 4.0 กิโลเมตร ในเรื่องของการเดินทางถือว่าสะดวกเลยทีเดียว บ้านพักอุทยานฯ จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกพักหลังละ 6 คน (มีบ้านเดียวเท่านั้น) แบบที่สองพักหลังละ 4 คน ดูรายละเอียดด้านล่าง
- บ้านพักหลังละ 6 คน 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคา 3,000 บาท/คืน (เฉลี่ยคนละ 500 บาท/คืน) เฉพาะวันอังคาร-พฤหัส ราคา 2,100 บาท/คืน (เฉลี่ยคนละ 350 บาท/คืน)
- บ้านพักหลังละ 4 คน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 2,000 บาท/คืน (เฉลี่ยคนละ 500 บาท/คืน) เฉพาะวันอังคาร-พฤหัส ราคา 1,400 บาท/คืน (เฉลี่ยคนละ 350 บาท/คืน)
แม้ว่าราคาอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่ถ้าลองมาหารเฉลี่ยรายหัวแล้วถือว่าไม่แพงเลย หากใครสนใจพักให้เข้าไปจองได้ที่เว็บไซด์ของอุทยานฯได้เลยครับ ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็นบ้านพักแบบหลังละ 4 คน ซึ่งครั้งนี้ผมได้พักบ้านสารภีดอยครับ ส่วนถ้าบ้านพักอุทยานฯเต็มหรือใครอยากไปพักของเอกชน ผมได้คัดเลือกที่พักดี ๆใกล้กับทางขึ้นภูเรือไว้ให้แล้วตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
ภูสำเภา วัลเล่ย์ เบอร์โทร 089-924-9596
กังสดาลรีสอร์ท เบอร์โทร 093-539-1835
5. การเดินทางไปภูเรือ
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอภูเรือ ห่างจากตัวเมืองภูเรือประมาณ 4.0 กิโลเมตร และเมืองเลย ประมาณ 53 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 1 ช.ม. แต่ว่าบนยอดภูเรือเราจะต้องขับรถจากที่ทำการอุทยานฯ ขึ้นไปอีก 4.7 กิโลเมตร หรือประมาณ 15 นาที และในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ต.ค.- ก.พ.) จะมีการจัดระเบียบจราจร ทางอุทยานฯจะไม่ให้เราขับรถขึ้นไปถึงบนยอดได้ เราจะต้องขึ้นรถสองแถวที่จุดขึ้นรถ ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงยอดภูเรือประมาณ 750 เมตร ค่าขึ้นอยู่ที่คนละ 10 บาท เท่านั้น และตรงจุดขึ้นรถก็มีร้านอาหารกาแฟของชาวบ้านขาย ใครหิวก็กินตรงนี้ได้เลย เพราะขึ้นไปบนยอดจะไม่มีมีขายนะครับ สุดท้ายทางขึ้นไปภูเรือขับรถไม่ยากครับ ไม่มีโค้งหักศอก และชันน้อยกว่าดอยทางภาคเหนือมาก ๆ แต่ก็ไม่ควรขับรถเร็ว เพราะผิวถนนค่อนข้างชำรุดบางจุด