เที่ยวเชียงราย 4 วัน 3 คืน ช่วงหน้าหนาว
1.เชียงราย หน้าหนาว ไปแล้วสวยมั้ย อากาศเป็นยังไง
เที่ยวเชียงรายหน้าหนาว เป็นช่วงที่ธรรมชาติสวยงาม อากาศหนาวเย็นที่สุด ป่าเขายังเขียวอยู่ อุณหภูมิอากาศตอนเช้าพื้นราบประมาณ 12-15 องศา(และมีบางวันช่วงเดือนมกราคม ก็อาจแตะถึงเลขตัวเดียวได้) ส่วนบนภูเขาสูง บอกได้เลยว่าหนาวมาก อย่างภูชี้ฟ้า ดอยแม่สลอง ตอนเช้า ๆเฉลี่ย 8-10 องศาฯเลยทีเดียว กลางวันบนดอยไม่ร้อนมากประมาณ 18-21 องศาฯ ส่วนพื้นราบ 27-29 องศาฯ สำหรับทะเลหมอกบนภูชี้ฟ้าจะมีโอกาสเห็นมากที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศเย็นจากจีนลงมาปะทะกับความชื้นสะสมจากหน้าฝนพอดี ทำให้ทะเลหมอกเดือนนี้อลังการมาก ๆ ส่วนในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ทะเลหมอกจะเริ่มลดลง โดยเฉพาะช่วงที่ลมหนาวลงมาแรงๆ เพราะอากาศจะแห้ง และลมหนาวจะพัดไอหมอกระเหยหมด ข้อมูลท่องเที่ยว สถานที่เที่ยว และสภาพอากาศ แบบละเอียดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >>> ท่องเที่ยวเชียงราย

2.เชียงราย หน้าหนาวไปเที่ยวไหนดี ไม่พลาดธรรมชาติสวย ๆ
วันที่ 1 : เริ่มต้นขับรถมาจาก กทม. ใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 1 (กรุงเทพฯ-เชียงราย) หรือขึ้นเครื่องมา พอเช้าถึงตัวเมืองเชียงราย แนะนำให้หาที่กินที่เที่ยวในตัวเมืองเชียงรายก่อน สถานที่สำคัญในตัวเมืองที่ไม่ควรพลาด ก็เช่น วันร่องขุน วัดห้วยปลากั้ง วัดถ้ำเสือ พอเที่ยวเสร็จก็ขับรถมุ่งหน้าไปภูชี้ฟ้า หากไปถึงตอนเย็น ผมแนะนำให้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินด้านบนยอดภูชี้ฟ้า ขอบอกเลยว่าสวยมากๆ บรรยากาศสวยไม่แพ้ตอนเช้าเลย สำหรับที่พักผมแนะนำภูชี้ฟ้ารีสอร์ท ราคา 700-1,000 บาท/คืน สามารถนอนได้ถึง 4 คน เฉลี่ยเหลือคนละ 175-250 บาท/คน/คืน เท่านั้น ห้องกว้างวิวด้านหลังสวย เข้าไปจองกันได้ที่ >>> ที่พักภูชี้ฟ้ารีสอร์ท





วันที่ 2 : ตื่นเช้ามาให้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอกบนยอดภูชี้ฟ้า แนะนำให้ขึ้นไปตอน 05:00-06:00 หรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้นสัก 30-45 นาที เพราะตอนช่วงแสงสนธยา ก็เป็นอีกหนึ่งช่วงที่สวยมากๆ และจะได้ทันเก็บพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าด้วย ในช่วงเดือน พ.ย.- กลาง ธ.ค. ทะเลหมอกที่นี่แทบจะมีทุกวัน ส่วนจะสวยมากสวยน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพท้องฟ้า ณ เวลานั้น ฮ่า ๆ แล้วใครขี้หนาวแนะนำให้ใส่เสื้อหนาวหนาๆ เพราะลมบนนี้จะแรงมาก บวกกับอากาศที่เย็นมาก เฉลี่ย 12-15 องศาฯเลยทีเดียว พอเก็บหมอกกันจุใจแล้วก็ลงมากินข้าวด้านล่าง แล้วขับรถต่อไปที่บ้านผาหมีซึ่งจะใช้เวลาราว ๆ 2-3 ช.ม. เมื่อมาถึงบ้านผาหมีแล้วจะตรงกับช่วงบ่ายโมงพอดี สิ่งที่ไม่ควรพลาด คือไปกินร้านอาหารภูฟ้าซาเจ๊ะ นอกจากที่นี่จะเห็นวิวภูเขาหินปูนอันสวยงามแล้ว เมนูรากซูที่นี่ก็อร่อยมากด้วย (ชาที่นี่ก็อร่อยหอมมากๆ) สำหรับคืนนี้เราจะพักกันที่บ้านผาหมีหรือบ้านผาฮี้ ผมแนะนำ บ้านภูฟ้าซาเจ๊ะ แต่มันจะเต็มเร็วมาก ถ้าเต็มอีกที่ก็ บูซอโฮมสเตย์





วันที่ 3 : ตื่นเช้ามาประมาณ 06:30 ให้ขับรถขึ้นไปชมแสงเช้าที่บ้านผาฮี้และเลยไปดูทะเหมอกบนดอยช้างมูบ(ถัดจากบ้านผาฮี้ไปประมาณ 4-5 ก.ม.) ตรงนี้เราจะเห็นทะเลหมอกฝั่งประเทศพม่า จริงๆแล้วถนนที่เราขับจากบ้านผาหมีขึ้นมาผาฮี้และดอยช้างมูบเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทย-พม่า หลังจากที่เราเก็บทะเลหมอกกันเสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถต่อไปเที่ยววัดพระธาตุดอยตุง แล้วเดินทางต่อไปยังดอยแม่สลอง ในช่วงเย็นบนดอยแม่สลองจะมีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่บริเวณทางขึ้นไปวัดพระธาตุศรีนครินทรฯ จุดสังเกตจะมีศาลาและลานจอดรถ ตรงนี้แหละครับ จะเป็นจุดชมแสงเย็นและพระอาทิตย์ลับขอบภูเขาของดอยแม่สลอง





วันที่ 4 : ตื่นเช้ามารับอากาศหนาวๆ ชมทะเลหมอกอันสวยงามกับแสงเช้าสีทอง บนจุดชมวิวพระธาตุศรีนครินทรฯ ในช่วงเดือนมกราคม ประมาณวันที่ 15-30 ม.ค. ตรงนี้จะมีดอกพญาเสือโคร่งให้เราได้ชมด้วย หลังจากที่เราเก็บหมอกกันแล้วขากลับอย่าลืมแวะซื้อชาหรือชิมชาที่ไร่ 101 ขอบอกเลยว่าชาที่นี่หอมมาก ผมไปทีไรได้กลับมาหลายแพคใหญ่ๆเลย และถ้าหากใครขับรถมาจาก กทม. ผมแนะนำถ้าหากเราขับรถไปถึงพระเยาตอนเย็น ก็แวะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินกันที่กว๊านพะเยาได้นะครับ ขอบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งจุดของไทยที่พระอาทิตย์ตกลับขอบภูเขาได้สวยที่สุด






