ดอยช้าง เชียงราย
Highlight
- “ดอยช้าง” นอกจากเป็นแหล่งปลูกกาแฟอารบิกาของไทยแล้ว ถนนลอยฟ้าที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ใดในเชียงราย จุดเด่นของดอยช้างคือการมาดูหมอกละกับทุ่งนาเขียว ๆบนภูเขาในช่วงหน้าฝน และความสุดจะอยู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือราว ๆ เดือน ก.ย. – กลาง ต.ค. เพราะเป็นช่วงที่ดอยช้างมีโอกาสเกิดทะเลหมอกได้อลังการที่สุด
- ถ้ามาดอยช้างหน้าหนาวตอนเช้าให้ไปชมพระอาทิตย์บนยอดผาหัวช้าง ส่วนใครมาหน้าฝนแล้วเจอทะเลหมอกให้ไปตรงจุดชมวิว ก.ม. 5 +475 (ชร.5047) จะสวยงามและใกล้ชิดทะเลหมอกมากที่สุด สำหรับเส้นทางมาดอยช้าง แนะนำให้ไปเส้นทางเขื่อนแม่สรวย เพราะขับง่ายสุด มีโค้งชันแคบเฉพาะช่วงต้น ๆเท่านั้น และจุดชมวิวต่าง ๆ ส่วนใหญ่อยู่บนเส้นทางนี้
1.ดอยช้าง ถนนลอยฟ้าก็เด็ดไม่แพ้กาแฟ
ถ้าหากพูดถึง “ดอยช้าง” หลายคนน่าจะรู้จักในนามของ ”กาแฟชั้นดี” แต่หลายคนไม่รู้ว่าดอยช้างก็เป็นหนึ่งในสถานที่มีถนนลอยฟ้าสวยงามตระการตาของเชียงราย ซึ่งความสวยงามของดอยช้างจะเริ่มต้นตั้งแต่ขับรถขึ้นมา ตลอดระยะสองข้างทางจะมีมุม Landscape สวยๆอลังการหลายจุดมาก เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสวยงามข้างทาง ตรงไหนสามารถจอดรถได้ แนะนำให้จอดเลยครับ รับรองว่าเด็ดพอๆกับขุนสถาน(จ.น่าน) และด้วยหลายคนมักคิดว่า “ดอยช้าง” คงมีแต่กาแฟ ไม่ได้มีมุม Landscape สวย ๆใด ๆ ทำให้ในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล นักท่องเที่ยวบนดอยช้างจะน้อยมาก ๆ เหมาะกับสายพักผ่อนสบาย ๆ จิบกาแฟ ชมวิวธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายใครที่กำลังวางแผนมาเชียงรายแล้วอยากหาสถานที่เที่ยวสวย ๆ เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ควรจด “ดอยช้าง” ไว้อยู่ในลิสต์เป็นลำดับแรก ๆ เลยครับ
“ดอยช้าง” จริง ๆแล้วเป็นชื่อของ “หมู่บ้านดอยช้าง” ที่ตั้งอยู่บนทิวเขาดอยวาวี เป็นแนวเทือกเขาอยู่ตอนกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของจังหวัดเชียงราย มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,000 -1,400 เมตร มียอดดอยผาหัวช้างสูงประมาณ 1,680 เมตร อยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้าน(อ้างจาก google map มันไม่ถึง 1,800 นะครับ) ทำให้บนนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี จึงเหมาะกับการปลูกต้นกาแฟพันธุ์อาราบิกามากที่สุด ซึ่ง“อาราบิกา(Arabica)” เป็นพันธุ์กาแฟมีต้นกำเนิดมาจากที่ราบสูงเอธิโอเปีย เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงมากกว่า 800 เมตร หรือมีอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยไม่เกิน 24 องศาเซลเซียส เมล็ดกาแฟมีรูปร่างเรียว รสชาติหวานละมุนและมีคาเฟอีนต่ำ ต่างจากโรบัสต้า(Robusta) ที่มีลักษณะเป็นเมล็ดกลม ๆ รสชาติเข้มข้นมีคาเฟอีนสูง(ขมกว่าอาราบิกา) ปลูกได้ตามพื้นที่ราบทั่วไป ชอบอากาศร้อน ๆ ดังนั้นอาราบิกาจึงเป็นกาแฟที่หายากและมีราคาสูงกว่าโรบัสต้า ส่วนสายพันธุ์ไหนอร่อยกว่ากันนั้นก็แล้วแต่คนชอบ เพราะตัวผมเองเป็นสายชา ไม่ใช่กาแฟครับ ฮ่า ๆ
2. ดอยช้างไปช่วงไหน ได้บรรยากาศงาม ๆ
“บ้านดอยช้าง” ตั้งอยู่บนความสูงเฉลี่ย 1,000 – 1,250 เมตร ทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และมีอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว ส่วนไปช่วงไหนได้บรรยากาศแบบไหน ผมแบ่งรายละเอียดตามด้านล่างเลยครับ และตารางด้านล่างนี้ก็คืออุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละเดือนบนหมู่บ้านดอยช้าง (อ้างอิงจากหมู่บ้านลีซอดอยช้างที่ระดับความสูง 1,150 เมตร จากระดับทะเล และอยู่สูงจากเมืองเชียงราย 762 เมตร)
ดอยช้าง หน้าฝน (เดือนมิถุนายน-กลางตุลาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวดอยช้างมากที่สุด เพราะเสน่ห์ของดอยช้างจริง ๆแล้วคือการมาดูหมอกละกับทุ่งนาเขียว ๆบนภูเขา ซึ่งช่วงนี้จะมีโอกาสเกิดหมอกได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงฝนตกหรือหลังฝนตก แต่ข้อเสียช่วงนี้คือต้องคอยดูสภาพอากาศให้ดีด้วย ในช่วงที่มีพายุหมุนเขตร้อนเข้ามาควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจจะเกิดฝนตกแบบหูดับตับไหม้หมอกลงจนมองอะไรไม่เห็นเลย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรมาช่วงเดือนกันายาน-กลางตุลาคม เนื่องจากฝนจะตกแค่ตอนบ่าย-เย็น เท่านั้น พอตื่นเช้าขึ้นมาอาจมีทะเลหมอกสวย ๆงาม ๆได้ ส่วนแสงจะสวยหรือไม่ต้องลุ้นเอา
ดอยช้าง หน้าหนาว (กลางเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นมากที่สุด ตอนกลางวันแดดแรง แต่ถ้าอยู่ในร่มก็ไม่ร้อน ทะเลหมอกช่วงนี้หายากหรือแทบไม่มีเลย เว้นแต่ว่ามีฝนหลงฤดูมาตกตอนเย็น ช่วงเช้าก็อาจมีทะเลหมอกได้เช่นกัน และหลังจากเดือน ธ.ค. เป็นต้นไป ต้นไม้บนเขาจะเริ่มไม่ค่อยเขียวแล้ว ดังนั้นช่วงนี้เหมาะกับมาสัมผัสหนาวและมาดูดอกพญาเสือมากกว่า สำหรับดอกพญาเสือโคร่งที่นี่จะเริ่มบานช่วงกลาง ธ.ค. – ม.ค. และจะบานเยอะที่สุดต้นเดือนมกราคม
ดอยช้าง หน้าร้อน (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) แม้ว่าจะเป็นหน้าร้อน แต่ในตอนเช้าอากาศยังหนาวอยู่นะครับ ตอนกลางวันอากาศกำลังดี แต่แดดแรงไปหน่อย ส่วนทะเลหมอกแทบไม่ต้องหวัง เอาชั้นหมอกแดดไปแทนละกัน ช่วงนี้มีโอกาสเกิดฝนหรือพายุฤดูร้อนได้บ้าง ถ้ามีฝนถือว่าโชคดี เพราะหลังฝนตกจะมีหมอกขึ้นตามภูเขา ป่าไม้บนภูเขาช่วงนี้จะออกโทนสีน้ำตาล สำหรับผมแล้วช่วงนี้ไม่เหมาะกับสายล่าธรรมชาติสวยๆ แต่เหมาะกับการมาพักผ่อนเฉย ๆ จิบกาแฟร้อน ๆ แบบไม่คิดอะไรมากกว่า สุดท้ายใครมาช่วงนี้แล้วไม่อยากเจอหมอกควันหนา ๆแนะนำให้มาหลังเดือน มี.ค. เป็นต้นไป
คำถามที่ว่า “ดอยช้าง” ไปช่วงไหนสวยที่สุด ทะเลหมอกเยอะที่สุด? ผมขอตอบเลยว่า “ช่วงปลายหน้าฝน หรือ เดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม” เพราะมีโอกาสเจอทะเลหมอกได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคืนไหนมีฝนตก ตื่นเช้ามาขึ้นพบกับความงามของทะเลหมอกได้เลย
3. เก็บแสงเช้าพร้อมทะเลหมอกสุดอลังการบนดอยช้าง
เมื่อมาดอยช้างอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเก็บแสงเช้า แต่ถ้าจะเอาให้สุดควรมาช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือราว ๆ กันยายน – กลางตุลาคม เพราะช่วงนี้ความชื้นจากหน้าฝนปะทะกับลมเย็น ๆ จากจีน ทำให้ไอน้ำในอากาศกลั่นตัวกลายเป็นทะเลหมอกแบบปุยเมฆได้ง่าย ยิ่งถ้าเย็นหรือคืนวันไหนมีฝนตกเช้าวันต่อมาเตรียมพบกับทะเลหมอกสุดอลังการได้เลย สำหรับใครที่มาหน้าฝนแล้วเจอทะเลหมอกให้ไปเก็บทะเลหมอกตรงจุดชมวิว ก.ม. 5+475 (ชร.5047) จะสวยงามและใกล้ชิดหมอกมากที่สุด ไม่แนะนำให้ขึ้นไปยอดผาหัวช้าง เพราะส่วนมากแล้วในหน้าฝนบนยอดผาหัวช้างมักจะมีเมฆปกคลุมเสมอ ทำให้ไม่ค่อยเห็นอะไร
ต้องบอกก่อนว่าทะเลหมอกบนดอยช้างไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันนะครับ ในช่วงหน้าหนาวแทบไม่ต้องหวังเลย เนื่องจากดอยช้างด้านฝั่งตะวันออกไม่มีแอ่งหุบเขาแคบพอที่จะทำให้เกิดทะเลหมอกได้เหมือนกับดอยอื่น ๆ ยิ่งช่วงที่ลมหนาวลงมาจากจีนแรงๆ หมอกที่เกิดจากการแผ่รังสีถูกพัดกระจายหายหมด แม้ว่ากลางคืนจะหนาวเหน็บและท้องฟ้าโปร่งแค่ไหน ถ้ามีลมแรงทะเลหมอกก็ไม่มีวันเกิด สำหรับใครที่มาหน้าหนาว แนะนำให้ไปเก็บแสงบนยอดดอยผาหัวช้างเลย เพราะบนนี้จะเห็นแสงเช้าในมุมสูงที่สุด และถ้าโชคดีอาจเจอทะเลหมอกได้บ้างนิด หน่อยในหุบเขาฝั่งตะวันตก
4. เมื่อมาดอยช้างแล้วควรไปจุดชมวิวตรงไหนดี
หลายคนมาดอยช้างแล้วมักจะขึ้นไปชมวิวกันจุดสูงสุดด้านบน ซึ่งเหมาะกับการไปเก็บพระอาทิตย์ในช่วงหน้าหนาว แต่สำหรับหน้าฝนเสน่ห์ของดอยช้างจริง ๆ จะอยู่บนเส้นทางที่ขึ้นมาจากทางเขื่อนแม่สรวย(ชร. 5047) โดยเฉพาะช่วงแรกที่เป็นถนนลอยฟ้าตัดผ่านไปตามสันเขา ตลอดระยะสองข้างทางจะมีวิว Landscape ที่สวยงามมาก แต่ถ้าใครไม่รู้จะจอดตรงไหน ผมก็พอมีจุดถ่ายรูปสวย ๆมาแนะนำให้เป็นไกด์ไลน์ได้บ้างนิดหน่อย(จริง ๆแล้วก็จุดที่เขาเอาไว้ให้เราจอดรถชมวิวนั่นแหละ5555)
จุดชมวิวเขื่อนแม่สรวย
ถ้ามาจากทาง อ.แม่สรวย(อ่านว่า แม่-สวย ไม่ใช่ แม่สะหรวย นะครับ) จะถึงจุดชมวิวนี้เป็นจุดแรก ตรงนี้เราจะมองเห็นเขื่อนแม่สรวยมุมสูงได้กว้างสุด เหมาะกับการมาเก็บแสงเย็น ถ้ามีฝนตกตรงนี้จะมีโอกาสเกิดหมอกบาง ๆได้ แม้ว่าจะเป็นเวลาตอนเย็นก็ตาม จุดนี้ไม่เหมาะกับการเก็บแสงเช้าเลย อย่างแรกคือไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นโดยตรง และอย่างที่สองคือถ้ามีทะเลหมอกบนดอยช้างตรงนี้จะถูกปกคลุมด้วยหมอกทั้งหมด ดังนั้นจะไม่เห็นวิวอะไรใด ๆทั้งสิ้น
จุดชมวิวทางหลวงชนบทเชียงราย 5047(กม. 5 + 475)
เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถเก็บพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับทะเลหมอกได้ เนื่องจากจุดชมวิวนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 1,000 เมตร ทำให้ค่อนข้างใกล้ชิดกับทะเลหมอก และถ้าโชคดีก็อาจเจอหมอกไหลตามสันเขาได้ แต่ว่าต้องมาช่วงปลายฝนต้นหนาวนะครับ ถึงจะมีโอกาสเจอทะเลหมอกเยอะ ๆ
จุดชมวิวทางหลวงชนบทเชียงราย 5047(กม. 6 + 340)
เป็นจุดชมวิวที่ผมค้นพบเอง ไม่มีป้ายบอกให้ดูรูปเอา ตรงนี้เราจะเห็นถนนลอยฟ้าตัดผ่านสันเขาสวยงามที่สุด ในช่วงเช้าเราจะเห็นหมอกได้ทั้งสองข้าง เสมือนถนนลอยอยู่บนเมฆ และใครที่จอดรถตรงนี้พยายามจอดให้ชิดไหล่ทางให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยนะครับ
5.ดอยช้างไปพักที่ไหนดี แล้วไปเส้นทางไหนง่ายที่สุด
ปัจจุบันหมู่บ้านดอยช้างมีโฮมสเตย์หลากหลายที่ให้เลือก แต่ในครั้งนี้ที่ผมมาดอยช้าง ผมมีโอกาสได้มาพักที่ “บ้าน Ja Dea” แล้วรู้สึกคุ้มค่ามาก ๆ บ้านพักที่นี่มีลักษณะเป็นแบบสไตล์ Loft ผสมผสานบ้านแบบพื้นเมืองดูทันสมัย ภายในห้องพักมีการตกแต่งแบบเรียบง่าย ห้องกว้างมาก ราคาไม่แพงเพียงแค่ 750 – 1,000 บาท/คืน เท่านั้น และจุดเด่นของที่นี่คือสามารถเก็บแสงเย็นได้อย่างสวยงาม ดังนั้นใครที่มาดอยช้างแล้วกำลังหาที่พักดี ๆ ผมแนะนำที่นี่เลยครับ (เจ้าของที่นี่ใจดีและเป็นกันเองมาก ต้องบอกตรง ๆเลยว่าที่ผมไปเก็บแสงจุดต่าง ๆได้อย่างสวยงาม ก็เพราะเจ้าของที่นี่เป็นคนไกด์ไลน์ให้ผมเองแหละครับ 555) นอกจากนี้ด้านหน้าที่พักเป็นร้านชากาแฟด้วย ใครที่ไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถแวะมาจิบกาแฟร้อน ๆ พร้อมกับถ่ายรูปบนระเบียงชมวิวที่ดาดฟ้าของที่พักได้นะครับ ซึ่งระเบียงชมวิวนี้เราจะเห็นหมู่บ้านดอยช้างได้ดีเลย ใครสนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 086-116-5651 หรือ Facebook Fanpage : บ้าน Ja dea
รายชื่อที่พัก บนดอยช้าง อื่น ๆที่น่าสนใจ
บ้านสวนดอยช้าง เบอร์โทร 081-884-5845
ชาลีรีสอร์ท เบอร์โทร 081-884-5845 , 083 365 7367
ส่วนการเดินทางมาดอยช้างจะมีทั้งหมด 3 เส้นทาง สำหรับใครที่ขับรถขึ้นเขาไม่แข็ง แล้วอยากได้วิวงาม ๆระดับสิบกะโหลก ผมแนะนำให้ใช้เส้นทางแม่สรวย(ชร.5047) เพราะถนนเส้นนี้ค่อนข้างกว้างมีความชันแค่ช่วงสั้น ๆเท่านั้น และผ่านจุดชมวิวหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวเขื่อนแม่สรวย หรือจุดชมวิว ก.ม. 5 +475 ก็อยู่บนถนนเส้นนี้ทั้งนั้น แต่ข้อเสียของเส้นทางนี้คือไกลมาก เพราะจากเมืองเชียงรายไปดอยช้างถนนเส้นนี้จะใช้ระยะทาง 28 กิโลเมตร ในขณะที่ใครมาเส้นบ้านห้วยส้านจะใช้ระยะทางเพียง 15 กิโลเมตร เท่านั้น แต่ว่าทางชันแคบกว่ามาก และวิวสวย ๆไม่ค่อยมี