เขาค้อ
Highlight
- “เขาค้อ” ธรรมชาติจะสวยอลังการมากที่สุดช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน เนื่องจากช่วงนี้ฝนจะตกเพียง 2-3 ชั่วโมง เท่านั้น ฟ้าหลังฝนจะสวยมาก และทะเลหมอกจะมีโอกาสเกิดช่วงนี้มากที่สุด
- วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว กังหันลมเขาค้อ จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ อนุสรณ์สถานฯ น้ำตกศรีดิษฐ์ คือสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดสำหรับคนเวลาน้อย
- จุดชมวิวทะเลหมอก ถ้ามาช่วงหน้าฝนให้ไปดูตรงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ส่วนใครมาหน้าหนาวให้ไปดูหน้าที่จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ หรือจะขึ้นไปบนอนุสรณ์ฯก็ได้ ซึ่งมุมมองจะสูงและกว้างไกลกว่า
1. เขาค้อ สายเที่ยวภูเขาฉบับชิว ๆ
“เขาค้อ” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางที่กำลังเริ่มต้นเที่ยวภูเขา ด้วยเขาค้อมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และไม่ไกลจากเมืองหลวง สามารถสัมผัสอากาศเย็นได้ตลอดทั้งปี มีสถานทีท่องเที่ยวหลากหลายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พักรีสอร์ทหรือร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ระดับยาจกไปยันหรูหรา ส่วนจะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ ในเรื่องของการเดินทางบอกเลยว่าง่ายมาก ถนนกว้างและเข้าโค้งสนุกมาก ซึ่งต่างจาก ภูทับเบิก ที่ต้องอาศัยทักษะในการขับรถขึ้นเขามากกว่า ดังนั้นหากใครที่อยากเที่ยวภูเขาแบบสบาย ๆ รับอากาศเย็น ๆ ก็ต้องมาเขาค้อนี่แหละครับ ชิวของจริง แต่ยกเว้นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวนะครับ ไม่ค่อยชิวเท่าไหร่ คนเยอะมาก ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้เลี่ยงครับ
“เขาค้อ” เป็นชื่อเรียกบริเวณที่ราบสูงตอนใต้ของทิวเขาเพรชบูรณ์ ส่วนทำไมถึงชื่อว่า “เขาค้อ” เพราะว่าแถบนี้ต้นค้อเยอะครับ แน่นอนว่าด้วยความกว้างใหญ่ของเขาค้อ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวหลายจุดมาก ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น จุดชมวิวทะเลหมอก น้ำตก สถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หรือวัด บลา ๆ นับว่าเที่ยวกันวันเดียวก็ไม่พอ ดังนั้นถ้ามีเวลาน้อยต้องเลือกหน่อยนะครับ สำหรับใครสายเที่ยวเน้นธรรมชาติแต่ไม่ค่อยมีเวลา ผมแนะนำว่าให้ไป วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว กังหันลมเขาค้อ จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ อนุสรณ์สถานเขาค้อ ทุ่งสวนดอกไม้ไฮเดรนเยียร์คาเฟ่ น้ำตกศรีดิษฐ์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ เพราะที่ผมกล่าวมาคือสถานที่เด็ด ๆของที่นี่ทั้งหมดแล้ว ส่วนใครมีเวลามากหน่อยก็ไปจัดทุ่งแสลงกับเขาตะเคียนโง๊ะต่อได้เลยค้าบ
2. เขาค้อไปช่วงไหน? ธรรมชาติอลังการสุด
นักท่องเที่ยวทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าเที่ยวภูเขาก็ต้องมาช่วงฤดูหนาวแล้วจะมีทะเลหมอกสวยสุด แต่ก่อนผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ทำให้คนส่วนใหญ่มาเที่ยวเขาค้อช่วงฤดูหนาวก็เจอทะเลหมอกบ้างไม่เจอบ้างก็แล้วแต่ว่าใครโชคดี ผมเองได้มีโอกาสมาเขาค้อถึง 5 ครั้ง จนค้นพบว่า “เขาค้อสวยอลังการมากที่สุดก็ช่วงฤดูฝน” เพราะนอกจากจะมีทะเลหมอกแล้วยังมีเมฆหมอกปกคลุมบนยอดสันเขาอีกด้วย และสิ่งที่ผมชอบมาก ๆก็คือคนน้อยโคตร ๆ เมื่อเทียบกับช่วง High season ส่วนมาช่วงไหนเจออะไรผมสรุปให้ตามด้านล่างนี้
เขาค้อ หน้าฝน เดือนมิถุนายน-ตุลาคม เป็นช่วงที่สวยที่สุดเหมาะกับสายชอบน้องหมอกละภูเขา ต้นไม้สีเขียว แดดไม่ค่อยร้อน อากาศเย็นสบาย ๆ สำหรับช่วงนี้ทะเลหมอกตรงพระธาตุผาซ่อนแก้วจะอลังการสุด ลักษณะเป็นหมอกฟ้าหลังฝน โดยเฉพาะเดือนกันยายน-ตุลาคม จะมีโอกาสพบเจอทะเลหมอกในตอนเช้าได้มากที่สุด ส่วนฝนที่ตกในช่วงปลายฤดูฝน มักจะตกได้ไม่เกิน 1-2 ช.ม. เท่านั้น ขอบอกเลยว่าฟ้าหลังฝนธรรมชาตินี่สุดมาก!!!
เขาค้อ หน้าหนาว เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส อากาศค่อนข้างแห้งและหนาวลม ทะเลหมอกช่วงนี้จะต้องไปดูที่จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าไปรษณีย์เขาค้อ ลักษณะหมอกจะเป็นหมอกแผ่นหรือแบบแผ่รังสี(Radiation Fog) ความสวยงามจะน้อยกว่าฤดูฝนและต้องลุ้น เพราะบางครั้งลมหนาวลงมาแรงก็อาจจะไม่มีทะเลหมอกได้ ช่วงนี้ต้นไม้จะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลือง จุดชมวิวทะเลหมอกที่ดีที่สุดอยู่ที่จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ จะมีเยอะมากๆในช่วง กลาง ต.ค. – ม.ค. และไม่ควรมาเกินต้นเดือน ก.พ. เพราะหลังจากนี้โอกาสเห็นทะเลหมอกจะยากมาก ๆ ข้อสังเกต ถ้าคืนวันไหนท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นๆ ลมนิ่ง ๆ เช้าวันต่อมาทะเลหมอกจัดเต็มแน่นอน
เขาค้อ หน้าร้อน เดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงที่ไม่ควรมามากที่สุด ตอนเช้าอากาศเย็นก็จริง แต่ช่วงกลางวันร้อนมาก ต้นไม้เป็นสีน้ำตาล ทะเลหมอกพอมีบ้างแต่ส่วนใหญ่ไม่มี ช่วงนี้เป็นฤดูแห่งหมอกแดด ทำให้ท้องฟ้ามีลักษณะเป็นฝ้าขาว ๆ(ฟ้าหลัว) ในช่วงนี้มีจุดเดียวที่เที่ยวได้คือทุ่งแสลงหลวง เพราะช่วงนี้ทุ่งหญ้าจะเป็นสีทอง แต่ถ้าใครจะมาพักตากอากาศไม่เน้นวิวหรือถ่ายรูปก็มาได้ และเนื่องจากอยู่ใกล้ภาคเหนือ ผมไม่รับประกันเรื่องหมอกควันนะครับ บางปีมีบางปีไม่มี
เขาค้อมีขนาดกว้างใหญ่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบที่ราบสูงมีเนินเขาสลับกัน มีความสูงตั้งแต่ 700-1,400 เมตร ทำให้ที่เขาค้อมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ส่วนตรงไหนหนาวมากหนาวน้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับความสูง สำหรับตารางด้านล่างนี้จะอ้างอิงความสูงบริเวณแคมป์สนที่ระดับ 750 เมตร และบริเวณตัวอำเภอเขาค้อความสูง 1,100 เมตร เพราะเป็นชุมชนเมืองและเป็นเส้นทางหลักที่จะแยกไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ
3. ไฮไลท์เขาค้อ อยู่ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นหนึ่งในวัดที่มี Landscape สวยในระดับสิบกะโหลก ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็น signature ของเขาค้อไปแล้ว เรียกได้ว่า “ถ้าใครมาเยือนเขาค้อแล้วไม่มาวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว นี่ถือว่ามาไม่ถึงเขาค้อเลยทีเดียว นอกจากนี้ใกล้ ๆกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังมีร้านกาแฟ Pino Latte ที่มีทั้งกาแฟชาอร่อยๆให้ได้ลิ้มลองกัน และ High light ของที่นี่คือด้านบนมี Landscape ที่สามารถมองลงมาเห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วได้แบบมุมสูง ถ้ามีเวลาผมว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง หลายคนขนานนามว่าคล้ายภูฏาน แต่ผมว่าให้มันสวยในแบบความเป็นพระธาตุผาซ่อนแก้วไม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับที่ไหนจะดีที่สุด
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว คนส่วนใหญ่จะชอบแวะมาช่วงเวลากลางวันหรือช่วงสาย ๆ ถามว่าสวยมั้ยมันก็สวย แต่ผมว่ามันยังไม่สุด สำหรับผมแล้ววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วจะสวยที่สุด อยู่ในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น(ช่วงเวลาแสงทอง) และสวยพีคที่สุดคือช่วงเช้า เพราะเราจะได้แสงทองสะท้อนกับเมฆหมอกบนยอดเขาด้านหลัง(เป็นอะไรที่สุดเกินจะบรรยาย) ส่วนจุดที่สวยสุดของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จะอยู่บนองค์พระธาตุเจดีย์ซึ่งจะมีบันไดขึ้นไป ตรงนี้เราสามารถเดินชมวัดมุมสูงและเห็นทัศนียภาพได้ไกลมาก เห็นแม้กระทั่งกังหันลมเขาค้อ(อันที่จริงก็ไม่ได้ไกลกันหรอก ฮ่า ๆ) นอกจากนี้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนอีกด้วย
4. อยากดูทะเลหมอกเขาค้อ ควรไปดูที่ไหนดี
ต้องบอกก่อนเลยว่าสถานที่ดูทะเลหมอกเขาค้อมีเยอะมาก ๆ แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกไปที่ไหน แต่ที่นิยมหลัก ๆ จะมีจุดชมวิวทะเลหมอกบริเวณจุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ส่วนจะไปที่ไหนก็ให้ไปตามฤดูกาลดังนี้
จุดชมวิววัดผาซ่อนแก้ว เหมาะสำหรับช่วงฤดูฝนที่นี่มีโอกาสเกิดทะเลหมอกมากที่สุดพร้อมดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าโชคดีจะมีน้องหมอกหยอกล้อภูเขาด้านหลังอีกด้วย ลักษณะทะเลหมอกที่นี่จะเป็นหมอกหลังฝนคล้ายกับภูทับเบิกช่วงหน้าฝน อันที่จริงแล้วมันก็หมอกชุดเดียวกับภูทับเบิกนั่นแหละเพียงแค่คนละมุม พูดง่าย ๆถ้าภูทับเบิกหมอกเยอะที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วหมอกก็เยอะตาม ส่วนถ้ามาฤดูหนาวจุดนี้ทะเลหมอกอาจจะไม่มี เพราะเป็นด้านหน้าลม เวลาลมหนาวพัดมาทีนึงหมอกกระจุยหมดแน่นอน ในหน้าหนาวตรงนี้จะมีทะเลหมอกได้ก็ต่อเมื่อลมหนาวรอบนั้น ๆ เริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว
จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ เหมาะสำหรับชมทะเลหมอกช่วงฤดูหนาวมากที่สุด เนื่องจากหุบเขาด้านนี้จะอยู่ด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านหลังลมในช่วงฤดูหนาว ลักษณะทะเลหมอกที่นี่จะเป็น แบบหมอกแผ่รังสี(Radiation Fog) ที่เกิดจากช่วงกลางคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นจากพื้นดินบนภูเขาจะไหลลงมาสู่ด้านล่างภูเขา อากาศเย็นจะค่อยๆสะสมตัว เมื่ออากาศเย็นถึงจุดอิ่มตัวไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นหมอก เมื่อสะสมมากขึ้นจะกลายเป็นทะเลหมอกที่สวยงาม วิธีสังเกตว่าพรุ่งนี้มีทะเลหมอกหรือไม่ ให้ดูว่าถ้าคืนนี้ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆ น้ำค้างแรง และลมนิ่ง เช้าวันต่อมามีทะเลหมอกแน่นอน ดังนั้นถ้าลมหนาวแรงตรงนี้ก็ไม่มีทะเลหมอกเหมือนกันนะครับ จุดนี้จะมีหมอกช่วงปลายฝนต้นหนาวมากที่สุด แล้วถ้าคืนไหนหรือเย็นวันไหนมีฝนตก ตอนกลางคืนอากาศเย็น ท้องฟ้าแจ่มใสเห็นดาว บอกเลยว่าตอนเช้าทะเลหมอกจัดเต็มสุด ๆ หมอกที่นี่จะมีตั้งแต่ 05:00 – 09:30 ใครตื่นสายก็มาดูทันครับ แนะนำว่าถ้าเป็นสายถ่ายรูปควรมาแต่เช้า เพราะแสงเช้าจะสวยมาก
5. ทุ่งสวนดอกไม้เขาค้อ :ไฮเดรนเยีย คาเฟ่(Hydrangea Cafe)
ทุ่งสวนดอกไม้ Hydrangea Cafe จุดชมวิวดอกไม้แห่งใหม่ของเขาค้อ ที่มีจะมีดอกไม้หลากหลายมาก และด้านบนก็มีคาเฟ่ให้นั่งกินลมชิววิวด้วย (ชาเขียวมะนาวที่นี่อร่อยมาก บอกเลออ!!!) ข้างบนนี้อากาศค่อนข้างดี แม้เป็นตอนกลางวันแต่มีลมเบาๆตลอด ค่าเข้าคนละ 60 บาท มีส่วนลดค่าเครื่องดื่ม 20 บาท ทางขึ้นอาจจะชันและแคบนิดหน่อย แต่ที่จอดรถเยอะมากครับ คุ้มค่าครับเหมาะกับเป็นสถานที่เที่ยวช่วงกลางวัน ระหว่างรอไปเก็บแสงเย็นที่อื่น ๆ ก็นั่งชิลที่นี่แหละครับ ฮ่า ๆ
6. อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ จุดชมวิวมุมสูงเขาค้อที่ไม่ควรพลาด
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ตั้งอยู่บนยอดเขาค้อ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,150 เมตร และอยู่สูงจากตัวเมืองเขาค้อประมาณ 220 เมตร แน่นอนว่าบนนี้นอกจากลมเย็นสบาย ๆทั้งวันแล้วยังเห็นทัศนียภาพทางตอนเหนือของเขาค้อได้อย่างกว้างไกลด้วย ยิ่งวันไหนทัศนวิสัยดี ๆ ตรงนี้เราจะมองเห็นกังหันลมเขาค้อได้ไม่ยากเลย และอาจมองไปเห็นภูทับเบิกด้วยซ้ำ จริง ๆแล้วบนนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถชมทะเลหมอกได้ แต่ก็เป็นหมอกชุดเดียวกับตรงหน้าไปรษณีย์เขาค้อนั่นแหละครับ เพียงแต่ด้านบนนี้จะเห็นในมุมที่สูงและกว้างไกลกว่ามาก สำหรับทางขึ้นมาบนอนุสรณ์ฯจะเป็นทาง one way ขาขึ้นชันนิดหน่อย แต่ขาลงจะชันและโค้งแคบต้องระมัดระวังนิดนึงครับ
หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า เขาค้อเคยเป็นสมรภูมิรบขัดแย้งทางการเมืองมาก่อนระหว่างพรรครัฐบาลไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ในช่วงปี พ.ศ. 2511 – 2525 เหตุการณ์ในขณะนั้นทำให้ต่างฝ่ายต่างสูญเสียกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วก็ได้มีก่อตั้งอนุสรณ์สถานนี้ขึ้นมา ซึ่งมีลักษณะเป็นเสารูปทรงสามเหลี่ยมสีขาวสูงจากฐาน 25 เมตร (มาจาก ปี พ.ศ. 2525 ยุติการต่อสู้) เวลาผมมาอนุสรณ์ฯแห่งนี้ทีไรก็อดให้นึกคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วสงครามนี้เป็นต่อสู้คนไทยกับคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่เราสู้รบกันเพียงเพราะความเห็นต่างทางการเมือง สุดท้ายแล้วผมคิดว่าการเมืองเห็นต่างได้ แต่ไม่ควรแตกแยก ทุกฝ่ายต่างก็รักชาติบ้านเมืองอยากให้ชาติพัฒนาทั้งนั้น แต่อาจจะต่างวิธีการและหลักการ มันไม่มีหรอกครับลัทธิชังชาติอะไรนี่ ผมว่าหมดยุควาทกรรมแบบนี้ไปแล้ว อย่าสร้างความแตกแยกกันอีกเลย หวังว่าในอนาคตเมืองไทยจะไม่มีอนุสรณ์เขาค้อขึ้นกันอีกเสานึงนะครับ ผมว่าเสาเดียวก็เกินพอแล้ว
7. ถนนสาย 12 ช่วงเขาค้อ หนึ่งในถนนสวยของไทย
ถนนหลวงสาย 12 หรือถนนเศรษฐกิจตะวันออก-ตก เป็นถนนสายประธานที่วิ่งตัดผ่านกลางประเทศจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก โดยเริ่มต้นจากสะพานมิตรภาพไทย-พม่า 1 อำเภอแม่สอด ผ่าน ตาก สุโขไทย พิษณุโลก หล่มสัก ชุมแพ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และสิ้นสุดที่อำเภอเมืองมุกดาหาร รวมระยะทางทั้งสิ้น 793 กิโลเมตร แต่ช่วงที่สวยที่สุดของถนนสายนี้จะอยู่ช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก-ชุมแพร ซึ่งเป็นช่วงตัดผ่านเทือกเขาเพรชบูรณ์พอดี วิวสองข้างทางจะเป็นวิวภูเขาสวยมาก โดยเฉพาะช่วงพิษณุโลก-หล่มสักหรือช่วงเขาค้อนี่แหละ จนหลายคนขนานนามว่า “เป็นถนนสายประธานที่มีวิวภูเขาสวยสุดในไทยเลย” จริง ๆแล้วช่วงแม่สอด-ตาก ก็สวยแต่ว่าจอดรถยากมาก ทางก็อันตรายกว่ามาก ๆ