เที่ยวน่าน 4 วัน 3 คืน ช่วงเดือนพฤศจิกายน
1.เที่ยวน่านช่วงเดือนพฤศจิกายน ไปแล้วสวยมั้ย อากาศเป็นยังไง
จังหวัดน่าน ในช่วงเดือน พ.ย. เป็นโค้งสุดท้ายที่ธรรมชาติจะสวยงาม ภูเขายังเขียว ทะเลหมอกจัดเต็ม อากาศเช้าเย็นสบาย แต่ไม่มีทุ่งนาเริ่มไม่มีแล้ว ช่วงต้นเดือนแถบภูเขาสูง ๆ ตอนเย็นอาจยังเจอฝนตกได้ แต่ถ้าคืนวันไหนฝนตกเช้าวันต่อมาเตรียมพร้อมทะเลหมอกสุดอลังการได้เลย ช่วงนี้เช้า ๆพื้นราบประมาณ 17-20 องศา(ปลาย พ.ย. 16-19 องศาฯ) ส่วนบนดอยอากาศเย็นถึงหนาวเลยครับ อย่างบ่อเกลือหรือดอยเสมอดาว ตอนเช้า ๆเฉลี่ย 15-17 องศาฯ กลางวันไม่ร้อนมากประมาณ 25-27 องศาฯ และบนดอยภูคาและขุนสถาน ตอนเช้า ๆจะเฉลี่ยอยู่ที่ 14-16 องศาฯ ตอนกลางวันเย็นสบาย ๆประมาณ 22-24 องศาฯ(แต่ถ้าโดนแดดก็ร้อนนะ) ข้อมูลท่องเที่ยวและอากาศเพิ่มเติม >>> จังหวัดน่าน
เคล็ดไม่ลับ : ในช่วงที่ลมหนาวแรง ลมหนาวจะแรงมาก พัดความชื้นหนีหายหมด ทำให้ทะเลหมอกเกิดน้อยหรือไม่มีได้ ดังนั้นถ้าอยากเห็นทะเลหมอกเต็ม ๆ ให้วางแผนไปเที่ยวตอนลมหนาวอ่อนกำลังลง(อากาศเริ่มอุ่นขึ้น) พูดง่าย ๆกรมอุตุฯบอกว่าลมหนาวจะเริ่มอ่อนกำลังลงแบบนี้ให้จัดครับ รับรองไม่พลาดทะเลหมอกแน่นอน ส่วนนาข้าวกลางเดือน พ.ย. แถบอำเภอปัว และท่าวังผา นาข้าวจะเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว ส่วนอำเภอเชียงกลางและนาน้อย นาข้าวยังพอมีอยู่ ซึ่งจะโดนเก็บเกี่ยวไม่เกิน 10-14 พ.ย. ของทุกปี
2.ไปน่านช่วงเดือนพฤศจิกายน วางแผนเที่ยวไหนอย่างไร ไม่ให้พลาดสถานที่สวยๆ
เพื่อไปเที่ยวแล้วให้ได้เจอธรรมชาติสวยงามที่สุด ผมจัดตารางคร่าว ๆ ให้ตามนี้เลย
วันที่ 1 : ขับรถมาจาก กทม.(หรือนั่งเครื่องมา) ตอนเช้าแนะนำให้แวะเข้าเมืองไปกินข้าวก่อน ผมแนะนำร้านป้าวันดาอร่อยมาก หลังจากนั้นให้ขับรถมุ่งหน้าไปบ่อเกลือใช้ ทล. 1169 (แวะจุดชมวิวกิ่วม่วง ตรงนี้จะเห็นแนวสันเขาดอยภูคา เป็นอีกมุมหนึ่งที่สวยงามมาก) ต่อด้วย ทล. 1081 (โค้งเลข 3 อยู่เส้นนี้) คืนแรกให้นอนที่บ่อเกลือหรือบ้านสะปันครับ (ที่พักแนะนำ อาโปเดอมาง สะปันซีวิว บ้านมีสะปัน อุ่นไอมาง) ช่วงกลางคืนถ้าไปคืนเดือนมืดตรงบ้านสะปันเราสามารถล่าใจกลางทางช้างเผือกตอนหัวค่ำทางทิศตะวันตกหรือทิศเดียวกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน (ต้นเดือนจะถ่ายช้างได้ถึง 20:00 ช่วงปลายเดือนถ่ายได้ถึง 19:20) และถ้ามีเวลาลองไปเที่ยวขุนน่านดูด้วยก็ได้ครับ
วันที่ 2 : ตื่นเช้ามารับอากาศเย็นกับหมอกยามเช้า แล้วเดินทางต่อไปเที่ยววัดภูเก็ต อ.ปัว โดยใช้เส้นทาง ทล.1256 เส้นทางนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางลอยฟ้าสวยงามของน่าน ซึ่งจะผ่านจุดชมวิว 1715 ด้วย ถ้าไปไม่เกิน 8 โมง ตรงนี้จะมีทะเลหมอกด้วยครับ (โอกาสเจอหมอก 50% โดยเฉพาะช่างที่ลมหนาวอ่อนกำลังลง) พอถึงวัดภูเก็ตจุใจกับการถ่ายรูปแล้วก็ไปต่อวัดศรีมงคล อ.ท่าวังผา วัดนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่เห็น เทือกเขาดอยภูคาได้อย่างสวยงาม(เดือน พ.ย. วัดภูเก็ตและวัดศรีมงคลจะไม่มีทุ่งนาให้ดูแล้วนะครับ) เสร็จแล้วให้มุ่งหน้าไปเมืองน่าน แนะนำร้านเฮือนฮอม เป็นอาหารเหนืออร่อยมาก คืนนี้เราจะนอนในเมืองน่าน ดังนั้นเวลาที่เหลือเราจะเที่ยววัดในตัวเมือง เช่น วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำฯ วัดหัวข่วง ปิดท้ายตอนเย็นด้วยการหาของกินที่ถนนคนเดิน(ถนนคนเดินมีเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 17:00-21:00)
วันที่ 3 : ตอนเช้าแนะนำให้ตื่นสัก 6 โมง แล้วขับรถขึ้นไปเก็บทะเลหมอก+พระอาทิตย์ขึ้นที่วัดพระธาตุเขาน้อย(หลายคนพลาดความสวยงามตอนเช้าที่นี่ ในเดือน พ.ย. บนนี้มีโอกาสเจอทะเลหมอกถึง 11 วันเลยทีเดียว) เสร็จแล้วให้แวะถ่ายรูปวัดศรีพันต้น(วันนี้ต้องมาตอนเช้า-สาย เพราะถ้าเกินเที่ยงมุมโบสถ์มันจะย้อนแสง) และลองไปเที่ยวัดภูมินทร์ช่วงเช้าดูครับ บรรยากาศสวยไม่เหมือนใครจริง ๆ หลังจากเที่ยวในเมืองจนจุใจแล้วให้ขับรถมุ่งหน้าไปดอยเสมอดาว พอถึงดอยเสมอดาวให้รอเก็บพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินในคืนเดือนมืดเราสามารถเก็บใจกลางทางช้างเผือกได้ตั้งแต่หัวค่ำไปจนถึง 2 ทุ่ม มุมเดียวกับพระอาทิตย์ตกดินเลย (ต้นเดือนจะถ่ายช้างได้ถึง 20:00 ช่วงปลายเดือนจะถ่ายได้ถึง 19:20)
วันที่ 4 : ตื่นเช้ามาชมทะเลหมอกอันสวยงาม ในช่วง พ.ย. โอกาสเจอหมอกอยู่ที่ 70-80% เลยทีเดียว(ถ้าตอนกลางคืนท้องฟ้าแจ่มใสเห็นดาว น้ำค้างลงเต็นท์เยอะ เช้าต่อมาน้องหมอกจัดเต็มแน่นอน แต่ถ้าลมหนาวมาแรงก็จะมีหมอกนิดเดียว) หลังจากเก็บทะเลหมอกจนจุใจแล้ว ใครขับรถมาจาก กทม. แนะนำให้ขับรถไปเส้นขุนสถานไปออกแพร่ได้ เส้นนี้สวยงามไม่แพ้ ทล.1081 และ ทล.1256 เลย ส่วนใครมาเครื่องบินก็กลับไปเมืองน่านเพื่อขึ้นเครื่องครับ