เกาะช้าง ตราด
Highlight
- “เกาะช้าง” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย เที่ยวได้ทั้งสายที่ชอบภูเขาและทะเล ถ้าเป็นไปได้ควรมาเที่ยวสัก 2 คืน แต่ถ้ามีเวลาคืนเดียวก็ให้เลือกเลยว่าจะไปเที่ยวฝั่งไหนระหว่างฝั่งตะวันออกหรือฝั่งตะวันตก หากชอบความสงบ ๆเงียบ ๆให้ไปฝั่งตะวันออก แต่ถ้าชอบนอนรีสอร์ทชมวิวภูเขาสวย ๆใกล้กับแหล่งความเจริญก็ให้ไปฝั่งตะวันตก
- ใครเป็นสายธรรมชาติก็สามารถนำเต็นท์มากางนอนได้ที่บริเวณหาดธารมะยม ซึ่งอยู่เกาะช้างฝั่งตะวันออก
- “เกาะช้าง” เที่ยวได้ตลอดทั้งปี หากจะดูหมอกละภูเขาสวย ๆก็ให้ไปช่วงหน้าฝน แต่ถ้าจะเน้นไปดำน้ำก็ต้องไปช่วงหน้าหนาวหรือหน้าร้อน แต่ถ้าใครอยากจะไปดูทั้งหมอกละภูเขาพร้อมดำน้ำให้ไปช่วงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งจะตรงกับปลายฝนต้นหนาวพอดี เพราะฝนจะตกเพียงช่วงบ่ายถึงเย็นเท่านั้น และจะตกเฉพาะบนเกาะใหญ่ไม่เกี่ยวกับตรงที่ดำน้ำ
- สำหรับการไปดำน้ำดูปะการังจะต้องซื้อแพคเกจดำน้ำ ซึ่งปกติแล้วจะผูกมัดกับทางรีสอร์ทหรือซื้อได้ที่รีสอร์ทนั้น ๆเลย ไม่ว่าจะซื้อที่ไหนก็ไม่ต่างกันมาก ในแพคเกจก็จะพาเราไปดำน้ำรอบเกาะรัง เกาะหวาย รวมอาหารกลางวันบนเรือ 1 มื้อ เป็นบุฟเฟ่ต์
- การเดินทางมาเกาะช้างถือว่าง่ายมาก สามารถนำรถขึ้นมาขับบนเกาะได้ ซึ่งจะต้องไปขึ้นเรือ Ferry ข้ามฟาก สามารถไปขึ้นได้ 2 จุด คือ ท่าเรือ center point กับ ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ ผมแนะนำให้ไปอ่าวธรรมชาติ เพราะจำนวนเรือมากกว่า เร็วกว่า ทั้งสองที่จะใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปเกาะประมาณ 30-45 นาที และเรือจะออกทุก ๆ 30 นาที (ท่าเรือ Center point ทุก ๆ 1 ช.ม.) ตั้งแต่ 06:00 -19:00 ส่วนถนนบนเกาะเป็นถนนลาดยาง 2 เลนสวนกันปกติ มีจุดชันโค้งและแคบเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
1. ไม่ว่าจะสายเที่ยวทะเลหรือภูเขาเกาะช้างก็เที่ยวได้หมด
หลายคนมักจะเข้าใจว่าการมา “เกาะช้าง” ก็เหมือนกับการไปเที่ยวตามเกาะอื่น ๆทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเล่นน้ำทะเล นอนอาบแดด หรือดำน้ำดูปะการัง แต่สำหรับผมแล้ว “เกาะช้าง” เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีวิวภูเขาสวยงามเด่นไม่แพ้กับทะเลเลย ผมเองจริง ๆแล้วไม่ใช่สายเที่ยวทะเล แต่ที่มาเกาะช้างบ่อยก็เพราะว่าติดใจในภูเขาบนเกาะนี่แหละครับ ยิ่งช่วงปลายฤดูฝนบอกเลยว่าอย่างพีค มีเพื่อนผมที่เคยไปบาหลีมันบอกว่า “เกาะช้างถ้ามองในแง่ภูเขาแล้วค่อนข้างใกล้เคียงกัน” แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าเหมือนจริงไหม เพราะผมก็ไม่เคยไปบาหลีเหมือนกัน 5555 แต่เดิมเกาะช้างเป็นเพียงสถานที่ให้เรือจอดหลบลมมรสุมตรงบริเวณอ่าวสลักเพรช(อ่าวสลัด)เท่านั้น ไม่ได้มีชุมชนอาศัยอยู่เหมือนตอนนี้ แต่ด้วยเกาะช้างที่สามารถเที่ยวได้ทั้งสายภูเขาและทะเลพร้อม ๆกัน ทำให้ปัจจุบันเกาะช้างได้กลายสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยไปแล้ว แน่นอนว่าบนนี้นอกจากมีชุมชนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตามรอบ ๆเกาะแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาก ๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร รีสอร์ท ผับบาร์ หรือใครสายธรรมชาติก็สามารถนำเต็นท์มากางนอนได้ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบ ดังนั้นไม่ว่าใครเป็นสายท่องเที่ยวแบบไหน ก็ไม่ควรพลาดเกาะช้างอย่างยิ่ง
“เกาะช้าง” เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของไทย หรือขนาดพื้นที่ราว ๆ 429 ตร.กม. เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง มีเกาะน้อยใหญ่อยู่รอบ ๆ ถึง 51 เกาะ มีพื้นที่รวมทั้งอุทยานฯประมาณ 650 ตร.กม ตัวเกาะช้างมีความยาวจากทิศเหนือ-ใต้ ยาวสุดถึง 30 กิโลเมตร มีความกว้างจากตะวันออกไปตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากแหลมงอบจังหวัดตราดประมาณ 8 กิโลเมตร บริเวณตอนกลางหรือร้อยละ90 ของเกาะเป็นแนวเทือกเขาหินแกรนิตสูงชันเฉลี่ย 300-500 เมตร และมียอดเขาสลักเพรช เป็นยอดเขาสูงสุดสูง 744 เมตรจากระดับน้ำทะเล(ยอดเขานี้เดินขึ้นได้ ถ้าใครสายลุยก็จัดเลยครับ) จริง ๆแล้วเกาะช้างก็ตั้งอยู่บนแนวการชนของเปลือกโลกเดียวกับเทือกเขาจันทบุรี(ประมาณ 220 ล้านปีก่อน แผ่นฉานไทยชนกับอินโดจีน) ทำให้แนวภูเขาบนเกาะช้างมีลักษณะเป็นเขาหินแกรนิตทรงยอดแหลมแบบพีระมิดคล้ายกับดอยภูคาเพียงแต่ความสูงน้อยกว่ามาก ป่าไม้ที่ปกคลุมส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้นจะมีเพียงบริเวณบนยอดเขาเท่านั้นที่เป็นป่าดิบเขา และความสำคัญของเทือกเขาตอนกลางนี้คือเป็นต้นกำเนิดลำธารและน้ำตกสวย ๆบนเกาะแห่งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกคลองพลู น้ำตกธารมะยม และน้ำตกเล็ก ๆอีกหลายสายนับไม่ถ้วน ส่วนน้ำตกสวยจริงหรือป่าวผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะผมเองก็ไม่เคยได้ไปสักที ไปเกาะช้างทีไรผมลืมแวะน้ำตกตลอด ฮ่า ๆ
2. เกาะช้างไปช่วงไหนดี แต่ละฤดูกาลเหมือนกันมั้ย
จริง ๆแล้วเกาะช้างแต่ละฤดูกาลก็มีความสวยงามไม่เหมือนกัน ดังนั้นอยู่ที่ว่าเราอยากจะมาเที่ยวเอาบรรยากาศแบบไหน ถ้าตั้งใจจะมาถ่ายเมฆหมอกล้อภูเขาสวย ๆ ก็ต้องมาช่วงฤดูฝน แต่ถ้าจะมาเพียงแค่ดำน้ำดูปะการังก็ให้มาช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อนก็ได้ เพราะท้องฟ้าจะค่อนข้างแจ่มใสและคลื่นลมไม่แรง ส่วนมาช่วงไหนได้ธรรมชาติแบบไหน ผมลงรายละเอียดตามด้านล่างเลย
เกาะช้าง หน้าฝน (กลางพฤษภาคม – เดือนตุลาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวดูหมอกเมฆหยอกล้อภูเขามากที่สุด ช่วงนี้อากาศบนเกาะช้างจะค่อนข้างชื้นและมีฝนตกเกือบทุกวัน ไม่เหมาะกับการดำน้ำดูปะการังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงที่มรสุมเข้าแรง ๆ ทะเลอาจมีคลื่นสูงถึง 2-4 เมตรได้เลย แต่ถ้าใครอยากจะมาดูหมอกบนภูเขาพร้อมกับดำน้ำดูปะการัง ผมแนะนำให้มาช่วงกลางเดือน ต.ค. โลด เพราะช่วงนี้ฝนจะตกเฉพาะช่วงบ่าย-เย็น ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ก็หยุดแล้ว ซึ่งฝนที่ตกส่วนใหญ่แล้วจะตกเพียงเฉพาะบริเวณภูเขาสูงหรือบนเกาะใหญ่เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับตรงบริเวณที่ดำน้ำเลย เพราะจุดดำน้ำจะอยู่แถบเกาะรัง ซึ่งห่างจากเกาะช้างประมาณ 17 กิโลเมตร น้อยครั้งมากที่ช่วงเดือน ต.ค. จะมีฝนตกแถวที่ดำน้ำ ยกเว้นมีพายุหมุนเขตร้อนหลงฤดูเข้ามาจริง ๆ
เกาะช้าง ฤดูอากาศดี (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาดำน้ำดูปะการังมากที่สุด เนื่องจากช่วงนี้ท้องฟ้าจะแจ่มใสไร้เมฆ ทัศนวิสัยค่อนข้างดี ช่วงนี้ใครจะมากางเต็นท์นอนตรงบริเวณหาดธารมะยมก็มาได้ เพราะฝั่งด้านตะวันออกจะเป็นด้านหน้าลมพอดี มีลมช่วยพัดไม่ให้ร้อนมาก ตอนกลางคืนอากาศกำลังดีไม่ร้อนไม่หนาว อากาศจะร้อนนิดหน่อยตอนช่วงสาย ๆถึงบ่าย
เกาะช้าง หน้าร้อน (มีนาคม – กลางพฤษภาคม) เป็นอีกช่วงหนึ่งที่เหมาะกับการมาดำน้ำดูปะการังหรือมาเล่นน้ำทะเลคลายร้อน ใครที่จะมาช่วงนี้แนะนำให้จองโรงแรมนอนจะดีมาก ไม่แนะนำให้ไปกางเต็นท์บริเวณหาดธารมะยม เพราะช่วงนี้จะร้อนชื้นและอับลมสุด ๆ ผมเคยนอนมาแล้วแทบไม่หลับเลย ร้อนจริง ๆ ร้อนแบบไม่มีลม ร้อนชื้น ๆ ตื่นมานี่หลังเปียกเลย 5555 ในช่วงนี้มีโอกาสเจอฝนได้บ้างตรงบริเวณโซนกลางบนภูเขา
3. ไปเที่ยวเกาะช้างฝั่งไหนดี? ระหว่างฝั่งตะวันออกหรือตะวันตก
ต้องบอกก่อนเลยว่า “เกาะช้าง” มาเที่ยวคืนเดียวไม่พอแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรมาอย่างน้อย 2 คืน เพราะเกาะช้างจะมีให้เที่ยวกันอยู่ 2 ฝั่ง ซึ่งแต่ละฝั่งก็มีความสวยงามและมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกัน และถนนบนเกาะช้างก็ไม่สามารถขับรถวนรอบเกาะได้(ถนนมีลักษณะเป็นรูปตัวยู) ให้ขยายความหน่อยก็สมมุติว่า “ถ้ามาเที่ยวตอนใต้ของเกาะฝั่งตะวันออกแล้วจะไปทางใต้ของฝั่งตะวันตก เราจะต้องขับรถอ้อมขึ้นไปทางเหนือของเกาะหรือย้อนกลับไปทางท่าเรือ” ซึ่งเรียกได้ว่าโคตรอ้อม ดังนั้นหากใครมีเวลาแค่คืนเดียวแนะนำให้เลือกเที่ยวด้านใดด้านหนึ่งไปเลย ส่วนใครจะไปด้านไหน ก็แล้วแต่ว่าชอบแบบไหน แล้วสองฝั่งต่างกันอย่างไรผมสรุปให้ตามด้านล่างนี้เลย
ด้านฝั่งตะวันออก
แน่นอนอยู่แล้วว่าจุดเด่นของด้านนี้คือสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ในตอนเช้า ด้านนี้ส่วนใหญ่จะมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะไปเที่ยวทางด้านฝั่งตะวันตกมากกว่า ดังนั้นใครต้องการความเงียบสงบ และอยากเก็บแสงเช้าแล้วมีทะเลเป็นฉากหน้า ก็ต้องมาทางด้านฝั่งตะวันออกนี่แหละครับ สำหรับที่พักโดยส่วนมากแล้วรีสอร์ทต่าง ๆจะตั้งอยู่แถวอ่าวสลักเพรช ซึ่งเป็นหนึ่งในอ่าวของเกาะช้างที่มีความสวยงามมาก ๆ นอกจากนี้ใครเป็นสายธรรมชาติก็สามารถมากางเต็นท์ได้ตรงบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯเกาะช้างหรือหาดธารมะยม ซึ่งใกล้ๆก็จะมีน้ำตกธารมะยมด้วย เผื่อใครอยากเล่นน้ำ แต่ไม่อยากร้อนแดด ก็หนีข้ามถนนมาเล่นน้ำตกธารมะยมได้เลย แล้วใครที่คิดจะมากางเต็นท์นอนในช่วงหน้าร้อน ขอเตือนเลยนะครับว่า “มันไม่เวิร์คโคตรๆ อากาศร้อนมาก ๆ ร้อนชื้น ๆแบบไม่มีลม” แต่ว่าใครอยากลองเปิดประสบการณ์นอนร้อนๆก็จัดเลยครับ แนะนำให้เอาพัดลมมาด้วยก็ดี 5555+ ถ้าเป็นไปได้จองที่พักรีสอร์ทเถอะครับ นอนแอร์เย็น ๆ เป็นลาภอันประเสริฐมากครับช่วงนี้ แถมราคาที่พักก็ไม่ได้แพงด้วย
ด้านฝั่งตะวันตก
ฝั่งตะวันตกของเกาะช้างเรียกได้ว่าเป็นฝั่งตัวเมืองที่มีสถานที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆครบครันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Makro Lotus หรือแม้กระทั่งรีสอร์ทสวย ๆ หรู ๆ ผับบาร์ ต่าง ๆก็กระจุกตัวอยู่ในฝั่งนี้หมด ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าผมค่อนข้างชอบเกาะช้างฝั่งตะวันตก เพราะฝั่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ แล้วที่สำคัญคือมีหลายรีสอร์ทบรรยากาศดี ๆสำหรับสายภูเขาเยอะมาก ๆ อันที่จริงแล้วฝั่งตะวันตกก็สามารถเก็บแสงเช้าพร้อมกับหมอกละบนยอดเขาได้ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว่ามันสวยกว่าพระอาทิตย์ขึ้นตรงจากขอบทะเล ดังนั้นใครที่ชอบวิวภูเขาสวย ๆ ผมแนะนำให้หารีสอร์ทดี ๆฝั่งตะวันตกเลยครับ (ส่วนภาพในเพจนี้ผมถ่ายจากไชยเชษฐ์รีสอร์ทนะครับ ใครสายภูเขาแล้วอยากได้ภาพสวย ๆมาจองที่นี่ได้เลย เพราะรีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ตรงแหลมพอดีทำให้เห็น Landscape เข้าไปด้านในตัวเกาะได้กว้างที่สุด) และแน่นอนว่าฝั่งตะวันตกก็ไม่ควรพลาดชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิว “ไก่แบ้” เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินสวยที่สุดบนเกาะช้างนั่นเอง
สรุป ถ้าอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆพร้อมกับทะเล และต้องการพักรีสอร์ทสงบ ๆคนไม่พลุกพล่าน แนะนำให้ไปเที่ยวด้านฝั่งตะวันออก แต่ถ้าใครชอบเที่ยวออกแนวสายภูเขาพักรีสอร์ทสบาย ๆใกล้กับสถานที่อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านค้าต่าง ๆ ตลาด หรือผับบาร์ก็ต้องมาพักแถวฝั่งตะวันตก ส่วนเรื่องดูพระอาทิตย์ขึ้นลงจริง ๆแล้วขับรถไปมาก็ได้ แต่ถ้าให้เชียร์จริง ๆผมชอบฝั่งตะวันตกนะ เพราะพระอาทิตย์ขึ้นหลังภูเขาดูมันมีอะไรมากกว่าขึ้นจากทะเลตรง ๆ(ความชอบส่วนตัวจริง ๆ 5555)
4. ไปเกาะช้างแล้วจะไม่มาดำน้ำดูปะการังได้อย่างไร
เป็นทีแน่แท้อยู่แล้วว่ามาถึงเกาะช้างจะไม่ไปดำน้ำดูปะการังเลยก็คงไม่ใช่ แต่การดำน้ำดูปะการังของเกาะช้างจะต้องไปดำดูแถวเกาะรอบ ๆ ซึ่งจะต้องซื้อแพจเกจนั่งเรือทัวร์ไป และมีหลายบริษัททัวร์ให้เลือกเยอะมาก อยู่ที่ใครจะจองกับ Agent ไหนก็แล้วแต่ตามสะดวกเลย แต่เท่าที่ผมไปมา 2 ครั้ง ผมว่ามันเหมือนๆกันนะ ก็หลักเลย ๆในแพคเกจจะพาไปดำน้ำดูปะการังแถวรอบ ๆเกาะรัง เกาะหวาย เกาะยักษ์เล็ก เกาะยักษ์ใหญ่ ราคาประมาณ 600-1,500 บาท/คน ตั้งแต่เวลา 09:00-17:00 มีอาหารกลางวันบนเรือให้ 1 มื้อเป็น Buffet โดยส่วนมากแล้วแพคเกจดำน้ำมักจะผูกมัดกับทางรีสอร์ทหรือซื้อได้ที่รีสอร์ทเลย หรือใครจะหาเองก็พิมพ์หาตามอากู๋เลยครับ(พิมพ์ว่าดำน้ำเกาะช้างขึ้นมาเพียบ) ผมเองเคยไป 2 ครั้ง ต่างบริษัท ซึ่งผมบอกเลยว่าเหมือนกันเด๊ะ ๆ เพียงแต่ขึ้นคนละท่าเรือเท่านั้น อย่างใครพักรีสอร์ทฝั่งตะวันออกก็จะไปขึ้นเรือที่อ่าวสลักเพรช ส่วนใครพักอยู่แถวฝั่งตะวนตกก็ต้องไปขึ้นเรือที่บ้านบางเบ้า(ซึ่งเขาจะมีรถมารับ หรือจะขับรถไปที่ท่าเรือเองก็ได้) แต่สุดท้ายก็จะไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะรัง เกาะหวาย ในที่เดียวกันนั่นแหละฮ่า ๆ รู้สึกว่าใครที่พักบนเกาะกูดสุดท้ายก็มาดำน้ำตรงนี้เหมือนกันครับ ส่วนใครที่ขี้เกียจหาเองลองคลิกที่ Kohchangclub ได้เลย
5. เกาะช้าง เดินทางยังไง ไปขึ้นท่าเรือไหนดี
“เกาะช้าง” ปัจจุบันมีเรือ Ferry สามารถนำรถขึ้นมาบนเกาะได้ ซึ่งสามารถไปขึ้นได้ 2 ที่ คือท่าเรือ Center point กับท่าเรืออ่าวธรรมชาติ แต่ผมแนะนำให้ไปขึ้นเรือที่อ่าวธรรมชาติจะดีกว่า เนื่องจากมีจำนวนเรือบริการมากกว่าจึงทำให้เร็วกว่า เรือข้ามไปเกาะช้างที่อ่าวธรรมชาติจะออกทุก ๆ 30 นาที. ตั้งแต่เวลา 06:00 – 19:00 เรือใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปเกาะช้างประมาณ 30-45 นาที ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการข้ามไปเกาะจะอยู่ที่ 80 บาท/คน/เที่ยว (ไปกลับ 160 บาท) และถ้านำรถลงเรือไปด้วยจะต้องจ่ายเพิ่ม 120 บาท/คัน/เที่ยว (ไปกลับ 240 บาท) ส่วนขากลับจากเกาะช้างมาฝั่งเรือจะออกตั้งแต่ 6:30 -19:30 นะครับ ขออีกนิดสำหรับท่าเรือ Center point เรือจะออกทุก ๆ 1 ช.ม. นะครับ ในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะปีใหม่ หากท่าเรืออ่าวธรรมชาติคิวยาว ให้ไปขึ้นท่าเรือ Center point ได้เลย
ถนนบนเกาะช้างทั้งเกาะจะเป็นแบบ 2 เลนสวนกัน มีจุดแคบโค้งหักศอกชันบางจุด แต่เป็นช่วงระยะทางสั้น ๆไม่ได้ยาวเหมือนทางขึ้นดอยภาคเหนือ จุดที่ขึ้นเขาเยอะๆส่วนใหญ่จะอยู่ทางเกาะช้างฝั่งตะวันตก จะมีจุดขึ้นโค้งชันหักอยู่ 2 จุดใหญ่ จุดแรกที่ต้องขึ้นเขาจะอยู่ระหว่างท่าเรือข้ามฟากกับตัวเมืองเกาะช้าง พอลงเนินเขานี้มาจะเจอกับ Makro และอีกจุดนึงที่พีคสุด ๆของเกาะช้างก็อยู่ตรงช่วงระหว่างจุดชมวิวไก่แบ้ไปท่าเรือบ้านบางเบ้าตรงนี้จะมีโค้งหักศอกชันอยู่นิดหน่อย ต้องใช้ความระมัดรวังเป็นพิเศษ แต่ดีหน่อยที่เป็นช่วงระยะทางสั้น ๆ คอยระวังรถที่สวนมาก็พอ เรื่องของเบรกแตกอะไรไม่น่ามีปัญหา ส่วนถนนฝั่งตะวันออกถือว่าสบาย ๆ ไม่มีขึ้นเขาอะไรทั้งนั้น จะมีเพียงช่วงถนนแคบ ๆ ตรงก่อนถึงอ่าวสลักเพรชเท่านั้น