น่าน
เมืองน่าน นครล้านนาตะวันออก
จังหวัดน่าน คือหนึ่งในจังหวัดที่ผมรู้สึกหลงใหลมากที่สุด แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนน่านก็ตาม หลังจากที่ผมได้ไปเยือนน่านหลายครั้ง ผมโคตรประทับใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมล้านนาที่คงเอกลักษณ์ไว้เป็นอย่างดี วิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่วุ่นวาย ผู้คนน่ารัก บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบ ทุ่งนาที่มีเทือกเขาสูงเป็นฉากหลัง ทะเลหมอกตามหุบเขาดอยต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งถนนที่ตัดผ่านสันเขาอย่างสวยงาม แล้วด้วยพื้นที่ของน่านส่วนใหญ่เป็นป่าเขา แสงรบกวนบนท้องฟ้าจึงน้อยมาก ๆ หลายพื้นที่เห็นดาวได้ชัดเจน นักล่าดาวนิยมมาถ่ายดาวที่นี่กันเยอะมาก จนหลายคนขนานนามว่า “เมืองน่านคือเมืองสวรรค์ของนักถ่ายรูป” แน่นอนว่าผมกลับมาเที่ยวน่านจนนับครั้งไม่ถ้วน(เพราะบ้านแฟนอยู่ที่นี่ ฮ่า ๆ) เลยทำให้รู้ว่าน่านแต่ละฤดูกาลก็มีธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกัน หน้าฝนมีทุ่งนาเขียวๆพร้อมหมอกบนภูเขา ปลายฝนต้นหนาวมีทะเลหมอกอลังการสุด หน้าหนาวท้องฟ้าแจ่มใส แสงเช้า แสงเย็นสวย อากาศหนาวจับใจ สุดท้ายก็อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านลองไปสัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม ความน่ารักของชาวจังหวัดน่าน ด้วยตัวเอง แล้วคุณจะหลงรักจังหวัดน่านแบบผมแน่นอน

หลายคนถามว่าไปช่วงไหนดีที่สุด? ผมขอตอบเลยว่าปลายฝนต้นหนาว หรือ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะมีโอกาสเจอทะเลหมอกได้มากที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใสไร้ฝุ่นในอากาศ นาข้าวออกรวงสีทองสวยงาม อากาศเย็นๆไม่ได้หนาวมาก แล้วที่สำคัญเป็นโค้งสุดท้ายของนักล่าทางช้างเผือก หลุดจากช่วงเวลานี้ต้องรออีกทีเดือนมีนาคมปีหน้าเลย ส่วนรายละเอียดสภาพอากาศ และข้อมูลที่เที่ยวอ่านต่อด้านล่างได้เลย
เที่ยวน่าน ไปช่วงไหนดี สภาพอากาศน่านแต่ละเดือนเป็นอย่างไร

น่าน หน้าฝน (กลางเดือนพฤษภาคม-กลางตุลาคม) จะเริ่มต้นประมาณกลางเดือน พ.ค. ส่วนใหญ่ฝนที่ตกจะเป็นฝนฟ้าคะนอง ซึ่งตกไม่เกิน 1-2 ช.ม.(ต้นไม้จะเริ่มเขียวช่วงนี้) แล้วฝนจะตกเยอะจริง ๆแบบติดต่อกันหลายวัน ก็ช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. ใครมาเที่ยวช่วงนี้ต้องระวังดินถล่มตามไหล่ทางบนภูเขา พอเข้าเดือนกันยายนฝนจะเริ่มลดลง แม้ตัวเลขจำนวนวันฝนตกเยอะก็จริง แต่ฝนจะตกจริงเพียงแค่ 1-2 ชม./วัน เท่านั้น และมักตกช่วงบ่ายถึงเย็น โดยทั่วไปแล้วฝนจะเริ่มหมดประมาณกลางเดือนตุลาคมบวกลบ 2 สัปดาห์ ส่วนอุณหภูมิช่วงฤดูฝนก็คล้าย ๆกับที่อื่นของไทย ข้อดีของการมาเที่ยวช่วงหน้าฝน คือต้นไม้ป่าเขาทุ่งนาจะเขียวมาก ที่น่านนาข้าวจะเริ่มปลูกประมาณกลางเดือน มิ.ย. ดังนั้นถ้าอยากเจอทุ่งนาเขียวๆ ก็ต้องมาช่วงเดือน ส.ค. เป็นต้นไป (รอให้ต้นข้าวโตนิดนึงก่อน ค่อยมา)

น่าน ช่วงปลายฝนต้นหนาว (กลางเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) ช่วงนี้พื้นราบอากาศจะเริ่มเย็น ๆ และมีหมอกในตอนเช้า อาจหนาวได้ในช่วงที่ความกดอากาศสูงลงมาแรง ๆ แต่จะหนาวแค่ 3-5 วัน ก็กลับมาเย็น ๆเหมือนเดิม กลางวันร้อนเป็นปกติแบบเมืองไทย จุดเด่นของช่วงนี้คือความชื้นจากฤดูฝนยังสะสมเยอะอยู่ พอเจอกับอากาศเย็นที่เริ่มแผ่มาจากจีน ทำให้บริเวณหุบเขาแคบ ๆอย่างดอยเสมอดาว หรือตามหุบเขาอื่น ๆ มีโอกาสเกิดทะเลหมอกได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ย. ส่วนหมอกจะเยอะหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับลมหนาว ถ้าลมหนาวแรงหมอกก็น้อย ในช่วงนี้ทัศนวิสัยค่อนข้างดี ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่ค่อยมีหมอกแดดมารบกวน สำหรับฝนในช่วงนี้พอมีอยู่บ้างตามภูเขาสูง ๆ แถบ อ. บ่อเกลือ แต่ตกไม่นาน(บ่ายถึงเย็น) ซึ่งความงามของภูเขาจริง ๆก็อยู่ช่วงฟ้าหลังฝนนี่แหละครับ(หมอกจะขึ้นตามภูเขาเยอะมาก!!) สุดท้ายผมยกให้ช่วงนี้เป็นฤดูกาลน่าเที่ยวที่สุดของจังหวัดน่าน ใครอยากมาน่านแล้วเจอบรรยากาศสวย ๆ นาข้าวออกรวงเป็นสีทอง แนะนำให้มาช่วงนี้เลยค้าบ

น่าน หน้าหนาว (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาสัมผัสอากาศหนาวมากที่สุด บางครั้งที่ความกดอากาศสูงลงมาแรงก็อาจเจออากาศหนาวแบบเลขตัวเดียวได้ไม่ยาก แต่ตอนกลางวันแดดจะร้อนนิดนึง เพราะช่วงนี้ส่วนใหญ่ท้องฟ้าจะแจ่มใส ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ร้อนประมาณ 12:30 -16:30 เท่านั้น เป็นร้อนแห้งๆไม่เหนียวตัว พอหลังพระอาทิตย์ตกดินลงไปอากาศจะเริ่มเย็น ๆ ทีเด็ดของช่วงนี้คือในเดือน ธ.ค. จะเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดทะเลหมอกปกคลุมเมืองน่านมากที่สุดเฉลี่ย 14 วัน (หมอกปกคลุมเมืองน่าน = มีทะเลหมอกบนวัดพระธาตุเขาน้อย) ส่วนข้อเสียของช่วงนี้คือต้นไม้บนภูเขาเริ่มผลัดใบ ความเขียวเริ่มลดลง นาข้าวถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว นาบางที่ก็ปลูกข้าวโพดแทน และพอเข้าเดือนกุมภาพันธ์ชาวบ้านจะเริ่มเผาฟางข้าว หมอกควันเริ่มเยอะ ทัศนวิสัยท้องฟ้าลดลง สำหรับฝนในช่วงนี้จะมีเฉพาะช่วงที่กระแสลมตะวันตกพัดย้อยลงมา โดยเฉลี่ยแล้วจะตก 6-7 วัน/ช่วง เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นฝนปรอย ๆ และตกตามบนยอดภูเขาสูง ๆ ซะมากกว่า

น่าน หน้าร้อน (เดือนมีนาคม-กลางเดือนพฤษภาคม) เป็นช่วงทรหดของทางภาคเหนือไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม นอกจากป่าไม้จะสีน้ำตาลแล้วยังมีหมอกควันจากการเผาป่าอีกด้วย ยิ่งช่วงเดือน มี.ค. ถือเป็นช่วงที่มีทัศนวิสัยโดยรวมแย่ที่สุด แต่พอเข้าช่วงเดือน เม.ย. ก็จะเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เพราะในช่วงที่ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมา อาจมีฝนตกลงมาช่วยได้บ้าง ฝนที่ตกส่วนใหญ่เป็นฝนฟ้าคะนองและตกไม่เกิน 1-2 ช.ม.(บางครั้งมีลูกเห็บด้วย) แม้ว่าช่วง เม.ย.- พ.ค. จะมีฝนลงมาช่วย แต่ต้นไม้ป่าเขาโดยรวมยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูอาจจะไม่ค่อยเขียวเท่าไหร่ แนะนำว่าให้รออีกนิดไปเที่ยวเดือน มิ.ย. เลยดีกว่า แล้วความสุดของช่วงนี้คืออุณหภูมิอากาศในหนึ่งวันเหวี่ยงมากที่สุดเฉลี่ย 17 องศาเซลเซียส/วัน นั่นหมายคว่า ตอนเช้าต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส แต่ตอนกลางวันอาจจะพุ่งไป 37 องศาเซลเซียส ในช่วงนี้ตอนเช้า ๆอากาศจะเย็น ๆอยู่นะครับ แต่กลางวันจะร้อนมากถึงมากที่สุด ซึ่งเป็นร้อนแบบแห้งๆ ถ้าอยู่ในร่มไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยู่กลางแจ้งมีเกรียมแน่นอน เพราะบางวันอุณหภูมิอาจทะลุเกิน 40 องศาเซลเซียส ได้เลย โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.- กลาง พ.ค.
เที่ยวน่าน ไปไหนดี เข้าไปอ่านข้อมูลแต่ละสถานที่เที่ยวกันได้เลย
ที่เที่ยวในเมืองน่าน
ที่เที่ยวน่านเหนือ
ที่เที่ยวน่านใต้
เส้นทางเที่ยวน่าน แนะนำ สายถ่ายรูปต้องอ่าน
ข้อแนะนำในการเที่ยวน่าน
- สำหรับนักล่าทะเลหมอกควรมาช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือราว ๆ กลางเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นลงมาปะทะความชื้นสะสมจากหน้าฝนพอดี ดังนั้นทะเลหมอกจะเกิดช่วงนี้เยอะที่สุด ส่วนหลักการพยากรณ์ทะเลหมอกก็มีอยู่บ้าง ก็คือวันที่ความกดอกาศสูงกำลังแรงแผ่มาช่วงแรก ลมจะแรง โอกาสเจอหมอกน้อยมาก ให้รอจนกว่าความกดอากาศสูงจะอ่อนกำลังลงหรือกำลังถอยออกไป(อากาศเริ่มอุ่น) ช่วงนี้แหละครับโอกาสเจอทะเลหมอกแทบจะ 100%
- ถ้าอยากมาสัมผัสอากาศหนาว แนะนำให้มาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม-กลางกุมภาพันธ์ ส่วนจะเจอทะเลหมอกหรือไม่นั้นไปลุ้นเอาเอง เน้นหนาวไว้ก่อนให้มาช่วงนี้เลยครับ หนาวจับใจแน่นอน
- ดอกชมพูภูคาจะเริ่มออกดอกประมาณ ปลายเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งตรงกับช่วงสภาพอากาศมีหมอกแดดและฝุ่นควันพอดี ถ้าเน้นดูดอกไม้ให้มา แต่ถ้าจะมาถ่ายภาพแสงเช้าเก็บแสงเย็นแบบท้องฟ้าแจ่มใสเป็นสีฟ้า แนะนำให้นอนอยู่บ้านดู Netflix จะคุ้มกว่า แต่ข้อดีของหมอกแดด คือทำให้พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น/ตกเป็นไข่แดงกลม และช่วยลดทอนแสงแดดในตอนกลางวัน ทำให้สามารถถ่ายภาพสายน้ำไหลแบบนวล ๆ (long exposure) ที่วังสิลาแลงได้ โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์ตัดแสง(ND Filter) ส่วนดอกพญาเสือโคร่งบนขุนสถานและขุนน่านจะออกช่วงต้นเดือนมกราคม
- ช่วงหน้าร้อนของจังหวัดน่าน หลายคนเข้าใจผิดว่าร้อนทั้งวัน จริง ๆแล้วจะร้อนเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้นนะครับ ในช่วงกลางคืน-เช้า อากาศจะเย็น ๆ เฉลี่ยประมาณ 20-22 องศาเซลเซียส และอากาศบนดอยสูงๆอย่างดอยภูคานี่ถึงกับหนาวเลยนะครับ ส่วนกลางวันบนดอยก็ไม่ร้อนมาก ใครอยากจะหนีร้อนขึ้นมาพักบนดอยก็ได้นะครับ(เน้นบนดอยนะ) แต่ก็ต้องระวังเรื่องหมอกควันด้วย ไม่แนะนำให้มาช่วงเดือนมีนาคม
- ถ้าอยากมาแล้วเจอทุ่งนาป่าไม้เขียวๆ แนะนำให้มาช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน แต่ต้องระวังเรื่องดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากด้วย ควรเช็คสภาพอากาศให้ดี หากเป็นช่วงที่มรสุมหรือพายุหมุนเขตร้อนเข้าไม่ควรมาอย่างยิ่ง เพราะฝนจะตกแบบวัวตายควายล้มได้เลย
- นาข้าวจะเริ่มข้าวออกรวง(เป็นสีทอง) ประมาณกลางเดือนกันยายน-กลางพฤศจิกายนของทุกปี (ปัว = กลาง ก.ย.- กลาง ต.ค. , เชียงกลาง = กลาง ต.ค. – กลาง พ.ย. ) ถ้ามาหลังกลางเดือน พ.ย. นาข้าวจะถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ตามจะเหลือเพียงแต่คันนาให้ดู(ในสภาวะอากาศปกติฝนไม่แล้งน้ำไม่ท่วม)
- น้ำค้างแข็งและเหมยขาบในจังหวัดน่านจะเกิดในช่วงที่ลมหนาวจากจีนลงมาแรงมาก ๆ (เส้นความกดอากาศ 1022 hpa แตะเมืองน่าน) หรือในช่วงที่กระแสลมตะวันตก(ลมระดับ 1,500-5,500 เมตร)พัดความเย็นจากเทือกเขามาลัยลงมาแรง ๆ ราว ๆกลางเดือน ม.ค. – กลาง ก.พ. บริเวณที่เกิดบ่อยที่สุดจะอยู่ที่หมู่บ้านมณีพฤกษ์ เขตอำเภอทุ่งช้าง รองลงมาหมู่บ้านภูพยัคฆ์ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ส่วนบนดอยภูคาเคยเกิดล่าสุดปี 2542 ตรงหน้าที่ทำการอุทยานฯ ไม่ใช่บนจุดชมวิว 1715 นะครับ เนื่องจากจุดชมวิว 1715 ลมมักจะแรง